นักเดินทางตัวจริง อยากจะสำรวจดาวอีกดวงที่ชื่อว่า Mars
Posted on May 10, 2014 13:45


ลังจากเลิกงานที่ต้องใช้เวลาแต่ละวันนานกว่าสิบสองชั่วโมงในที่ทำงาน วันนี้รู้สึกเหนื่อยมากกว่าทุกวัน นั่งลงบนโซฟาในอพาร์ทเม้นที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย มองไปนอกหน้าต่างเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่บ่งบอกถึงมลภาวะที่เป็นพิษมากกว่ากรุงเทพของเราเสียอีก และอดไม่ได้ที่จะถามตัวเองว่านี่เรากำลังทำอะไรอยู่ นี่เป็นการชดเชยกับความสุขที่เปี่ยมล้นเมื่อปีที่แล้วอย่างนั้นหรือ ว่าแล้วก็เปิดเฟซบุ๊คขึ้นมาอ่าน และเจอข้อความที่เพื่อนชาวนิวซีแลนด์โพสต์เกี่ยวกับโครงการ Mars One จากข้อความนั้นเชื่อมไปสู่หน้าเว็บไซต์หลักของโครงการนี้ http://www.mars-one.com ขณะที่อ่านความรู้สึกมีชีวิตชีวาก็ค่อยๆกลับขึ้นมาอีกครั้ง

 

Mars One เป็นองค์กรเพื่อการเดินทางสู่ดาวอังคาร เฟ้นหาอาสาสมัครเพื่อเดินทางเที่ยวเดียวสู่ดาวอังคารและใช้ชีวิตอยู่ตลอดช่วงอายุ โครงการนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2011 และกำลังคัดเลือกอาสาสมัครเพื่อเดินทางไปตั้งรกรากบนดาวอังคารในอีก 10 ปีข้างหน้า

 

Mars One เป็นโครงการที่เป็นหนึ่งในรายการเรียลลิตี้โชว์ ผู้เข้าร่วมโครงการที่ได้รับคัดเลือกให้เดินทางไปดาวอังคาร จะไม่มีโอกาสกลับมาสู่โลกอีก ต้องอาศัยและมีชีวิตอยู่ที่ดาวอังคารไปตลอดชีวิต

 

Mars One ได้รับสมัครนักบินอวกาศเพื่อเข้าร่วมโครงการจากทั่วโลก โดยการคัดเลือกแบ่งออกเป็น 4 รอบ 

- รอบแรก คัดเลือกจากใบสมัคร

- รอบสอง ผู้ผ่านรอบแรกจะต้องส่งผลการรับรองสุขภาพ และจะได้พบกับคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อทำการสัมภาษณ์

- รอบสาม ผู้ผ่านเข้ารอบจะต้องแสดงให้เห็นว่าตนมีความสามารถที่จะอาศัยอยู่บนดาวอังคารได้ อันนี้ผ่านทางทีวีและอินเตอร์เนท ผู้ชมผู้อ่านจะเป็นผู้คัดเลือกผู้ผ่านเข้ารอบ

- รอบสี่ ผู้เข้ารอบทั้งหมดจะไปอาศัยในสถานที่จำลองสถานการณ์ที่คล้ายกับดาวอังคาร เพื่อฝึกฝนการดำรงชีวิตและการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ก่อนจะถูกส่งไปกับยานอวกาศครั้งละ 4 คน และแสดงให้เห็นว่าสามารถอยู่ได้ อันนี้จะถูกถ่ายทอดไปทั่วโลก ระหว่างทางก็จะมีผู้ถูกคัดออก ส่วนผู้ที่ไม่ถูกคัดออกก็จะได้ไปดาวอังคาร เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 2024 เป็นต้นไปและจะส่งคนไปอีกในทุกๆ 2 ปี จนกว่าจะครบจำนวนที่ตั้งเป้าไว้


รายละเอียดเพิ่มเติมตามลิงค์นี้

https://www.mars-one.com/faq/selection-and-preparation-of-the-astronauts/how-will-the-astronaut-selection-proceed

 

เมื่ออ่านเรียบร้อยเราก็โพสต์บนเฟซบุ๊คไปที่ข้อความของเพื่อคนนี้บอกว่า “You have gotten one more competitor! หรือ นายมีคู่แข่งเพิ่มอีกหนึ่งคน เค้าตอบกลับมาว่า All are welcome! You know what I'd say if you get it! หรือ ยินดีที่ทุกคนจะสมัคร และพวกนายก็รู้ว่าเราจะพูดว่าอย่างไรถ้านายได้ไป อันนี้เป็นโจ๊กที่พวกเรารู้กันว่าเพื่อนคนนี้ชอบพูดคำว่า “Well done! หรือ เยี่ยมมาก” นั่นเอง

 

ความตั้งใจที่อยากจะเข้าร่วมโครงการนั้น ต้องใช้สมาธิในการเขียน เพื่อจะได้บอกความรู้สึกที่แท้จริงออกมาเป็นคำพูดให้ได้ เราได้มีโอกาสเขียนก็วันสุดท้ายก่อนการปิดรับสมัคร

 

สำหรับเรารู้สึกกับโครงการนี้ เป็นหนึ่งในโครงการที่สนับสนุนให้มนุษย์ได้ไปค้นพบสิ่งที่ยังเป็นปริศนา และการวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคตต่อมวลมนุษยชาติ แล้วมันจะเป็นโครงการที่ไม่น่าเข้าร่วมตรงไหน มีซักกี่โครงการในโลกที่ให้โอกาสคนจากทุกที่ในโลกใบนี้ได้เข้าร่วมโครงการ

 

มือกดคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ส่งใบสมัครและวิดีโอแจ้งเจตนารมณ์ของการเข้าร่วมโครงการ ขณะนั้นก็แอบฝันนิดๆ ว่าถ้าได้มีโอกาสได้ไปจริงๆ ก็ถือว่าชีวิตนี้ได้บรรลุเป้าหมายของการเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว อีก 5 วินาทีถัดมา ก็กลับมาสู่ความเป็นจริงที่ว่า คนสมัครมากมายเป็นแสนๆ คน คงมีโอกาสหรอก 555 

 

เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเห็นใบตอบรับการสมัคร แค่นี้ก็ตื่นเต้นแล้ว คิดแล้วก็คล้ายคนบ้าเล็กๆ มีความสุขกับฝันเล็กๆน้อยๆ เที่ยวบอกชาวบ้านบนเฟซบุ๊คกับไอ้แค่สมัครนี่แหละ นึกแล้วก็ขำ


align=


บุคลลรอบข้างมีความคิดเห็นแตกต่าง แบ่งเป็นสามกลุ่ม

1. กลุ่มที่สนับสนุนการตัดสินใจอย่างยิ่งยวด โดยไม่มีคำถามใดๆ แต่ส่งข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องความรู้ด้านอวกาศมาให้เพิ่มเติมเป็นระยะๆ

2. กลุ่มที่ถามกลับทันทีว่า อันนี้ไปแล้วไม่กลับมาเหรอ พอเราตอบไปว่า ใช่ จะได้คำตอบว่า กล้ามาก และก็จบไป

3. กลุ่มนี้จะมีปฏิกิริยาโต้ตอบทันทีคือ อะไร อันตราย ไปแล้วไม่กลับ และอีกหลายคำถามที่บ่งบอกถึงอาการช๊อค และไม่ค่อยเห็นด้วย


ปฏิกิริยาโต้ตอบที่แตกต่างกัน เรารู้สึกขอบคุณทุกปฏิกิริยา ปฏิกิริยาของกลุ่มแรก ทำให้เรายิ่งอยากรู้เกี่ยวกับมันมากขึ้น อยากไปมากขึ้น กลุ่มที่สองทำให้เรารู้ว่าความตื่นเต้นของเรา ไม่จำเป็นต้องเป็นความตื่นเต้นของคนอื่น กลุ่มที่สามทำให้เรารู้ว่าเรามีคนรอบข้างที่เราต้องคิดว่าเราจะจัดการอย่างไร เค้าจะรู้สึกอย่างไร เราจะทำให้เค้าเข้าใจอย่างไร ทำให้เรารู้ว่าทุกวันเวลาต้องให้เวลาและทำให้การอยู่ด้วยกันทุกวันดีที่สุด ทำเหมือนทุกวันเป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่บนโลกใบนี้ 


หลังจากนั้นก็ต้องยอมรับว่าไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตารอการประกาศผลการเข้ารอบต่อไปนัก เพราะเริ่มงานโครงการใหม่และก็รู้ว่าโครงการ Mars One นั้นมันห่างไกลจากความเป็นจริงนักที่เราจะได้รับเลือก แต่แล้ววันที่ 8 มกราคม ก็ได้มี email มาถามว่า email ฉบับนี้เป็น junk mail หรือไม่ เมื่อเปิดดูก่อนจะยืนยันว่าเป็น junk mail ก็พบว่า อ้าวเป็นจดหมายที่ส่งถึงเราเป็นครั้งที่สองแล้วให้ยืนยันเจตนารมณ์ว่าจะต้องการร่วมโครงการ Mars One อยู่อีกหรือไม่ ถ้าต้องการต้องเอาใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าเรามีร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์ส่งกลับไปภายในคืนวันนี้ (เพราะเค้าส่งผลมาให้ตั้งแต่สิ้นปีที่แล้ว และจดหมายนี้ส่งถึงเราสองวันที่แล้วให้ไปตรวจร่างกายและส่งผล)


align=


คงไม่ต้องบอกว่าตื่นเต้นขนาดไหน รีบส่งรายละเอียดให้เพื่อนที่ทำงานที่โรงพยาบาลเพื่อถามว่าเราต้องตรวจร่างกายและได้ผลภายในวันนี้ใช้เวลานานหรือไม่จากรายละเอียดทั้งหมด เค้าตอบว่าได้แต่ต้องออกมาเดี๋ยวนี้เลย ว่าแล้วก็ขับรถออกจากออฟฟิศเดี๋ยวนั้น และก็ได้ผลตรวจส่งไปทันเวลาที่กำหนด วันต่อมาได้รับการยืนยันว่ารายละเอียดครบตามที่ต้องการ


ขณะนี้โครงการได้ทำการคัดเลือกผู้สมัครจากกว่า 2 แสนคน เหลือ 1,058 คน

align=

 

ผู้ผ่านเข้ารอบเป็นชาวอเมริกัน 297 คน แคนาดา 75 คน อินเดีย 62 คน ขาวอื่นๆอีกประมาณ 500คน และหนึ่งในนั้นมีคนไทยหนึ่งคน มันสุดยอดมากความรู้สึกนี้

 

จากที่ไม่เคยตั้งหน้าตั้งตารอผล ตอนนี้ทำการเตรียมความพร้อม อ่านหนังสือเรื่องเกี่ยวกับอวกาศมากขึ้น เพราะพื้นฐานไม่ใช่คนที่มีความรู้ด้านอวกาศนัก ฟิตร่างกาย รอฟังผลรอบถัดไปที่จะประกาศในเดือนเมษายนนี้ อีกเช่นเคย ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าโอกาสนี้เป็นไปได้ยาก แต่ก็ไม่ผิดอะไรใช่มั๊ยที่จะแอบหวัง :)

#thaitraveltheworld