Chile-Argentina-Brazil ตอนที่ 2
Posted on November 30, 2014 21:56


เล่าต่อจากตอนที่แล้ว ตอนนี้เป็นประสบการณ์จาก Pucon ไป Bariloche ค่ะ


16 ต.ค. 55

 

รถถึง Santiago รออีกสองชั่วโมง เพื่อนั่งรถอีกคันไป Pucon ใช้เวลาประมาณ 22 ชั่วโมง ได้ เอาซะรากงอกกันไปเรย ดีว่ารถเป็นเบาะนอน ก็นั่งๆ นอนๆ ไป สบายๆ ถึง Pucon ช่วงบ่ายแก่ๆ 

align= 


Pucon เป็นเมืองที่ติดกับทั้งภูเขาไฟ Villarrica (ที่ยัง active อยู่ แม้ว่าจะปะทุครั้งล่าสุดเมื่อปี 1971 โน่นก็ตาม) และติดทะเลสาบ เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวติดอันดับโลกเลย มีกิจกรรมให้ทำมากมายไม่ว่าจะเป็น สกีน้ำ สกีหิมะ ล่องแก่ง คายัค น้ำพุร้อน ถ้ำภูเขาไฟ เดินป่าที่อุทยาน และที่สำคัญปีนภูเขาไฟ Villarrica ตอนที่ยังมีหิมะปกคลุม ปีนขึ้นด้วยขาเราเอง ตอนลงมาบน snowboard แบบนั่งสไลด์ลงมา อันหลังสุดนี่กิจกรรมที่เราอยากทำ อิอิ 

 

ช่วงนี้เป็นช่วง shoulder ก่อนจะเป็นฤดู peak ของการท่องเที่ยวที่นี่ จองห้องพักที่ hostel ไว้ ปรากฎว่าเราได้ทั้งกระท่อมนอนกันแค่สองคน คือเรากับคนพักอีกคน เพราะไม่ค่อยมีลูกค้า เคบินหรือกระท่อมที่นี่เหมือนบ้านมีสองห้องนอน (ประมาณ 10 เตียง) ห้องนั่งเล่น ห้องครัว น่ารักมาก คนที่พักเคบินเดียวกับเราเป็นชายหนุ่มชาวอาร์เจนติน่า (หล่อจุง อิอิ) พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก เป็นวิศวกรที่มีศึกษาโครงการการก่อนสร้างจาก Buenos Aires ก็คุยกันนิดหน่อย พอให้คุ้นเคย 

 

เรานั่งนอนมาหลายชั่วโมงบนรถ เลยขอออกไปเดินในเมืองซักหน่อย ยืดเส้นยืดสาย เมืองน่ารักมากอ่ะเล็กๆ ส่วนอีกด้านเป็นภูเขาไฟ Villarrica ที่ตอนนี้มีหิมะปกคลุม มองเห็นจากในตัวเมือง ได้รับอากาศบริสุทธิ์แล้ว พร้อมกินอิ่ม ก็เดินกลับกระท่อม แล้วก็หลับเป็นตาย 

 

17 ต.ค. 55 

 

เช้านี้เดินไปหาข้อมูลกิจกรรมที่นี่ราคาของแต่ละกิจกรรม เดินชิลล์ๆ ชมเมืองสบายๆ 

align= 


align=


เลยเที่ยงมาหน่อยเดินกลับมาที่พัก อ้าว มีคนใหม่เข้ามาพักที่กระท่อมเดียวกับเรา วันนี้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ชาวอังกฤษ เพิ่งเคยมาที่นี่เหมือนกัน หลังจากคุยกันพบว่าเราอยากทำ อยากไป อยากดูในส่ิงเดียวกัน ยกเว้นการปีน ภูเขาไฟ Villarrica ที่ตอนขาลง ลงด้วย snowboard หรือสไลด์ลงมา เค้ากลัว เราก็กลัว แต่ด้วยความอยากลอง ก็ต้องลอง หว่านล้อมเสร็จ ก็เริ่ม adventure ของเราสองคนด้วยการลงชื่อเพื่อปีนเขา และลอง gear ที่ใช้เพื่อการปีนเขาในวันรุ่งขึ้น (ถ้าเราซื้อบริการ เค้ามีให้หมด gear ครบ แต่เราต้องไปลองและลงชื่อจองไว้ gear ควรเป็นขนาดของเราเป๊ะ ๆ ไปตั้งแต่หมวกกันกระแทก ชุด รองเท้า อื่นๆ ทุกสิ่งที่ต้องใช้) และต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม กินอิ่ม พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรอดนอน หรือดื่มอัลกอฮอล์คืนก่อนการปีนเขา เราก็ปฏิบัติตามทุกอย่าง เข้านอนเร็วเป็นเด็กอนามัยมากคืนนี้

 

18 ต.ค. 55 

 

วันนี้ตื่นเช้ามาก ตีห้า เพราะต้องไปรวมที่จุดนัดพบ และนั่งรถไปให้ถึงตีนเขาช่วงไม่เกินเจ็ดโมงเช้า (เดินทางจากตัวเมืองประมาณ 45 นาที) แม้ว่าเราซื้อทริปปีนเขา แต่เค้าจะไม่ชาร์จเงินถ้าหากพบว่า อากาศไม่เหมาะสมกับการปีน 

 

ไปถึงหกโมงเช้า และพบว่าฟ้าปิด มีลมพอสมควร 

align=


ถ้าฤดูสกี กระเช้าเหล่านี้จะทำงาน ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูสกี ต้องเดินขึ้นไปเอง มองยอดเขาไม่เห็นเลย เพราะเมฆบังหมด 

align=

 

ระหว่างรอ ก็ถ่ายรูปซักนิสสสนึง ทำเป็นยิ้ม ตอนนี้ขาสั่นพั่บๆ และนิ้วเท้า ไร้ความรู้สึกแล้ว หนาวกว่าที่เห็นเยอะเรย

align=


รอกันไปเกือบชั่วโมง เผื่อฟ้าจะเป็นใจ คนนำทริปได้ปรึกษากับเจ้าหน้าที่อุทยาน เจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่าไม่แนะนำให้ปีน แต่คนนำทริปบอกว่าอากาศอาจเปลี่ยนช่วงสาย แต่ไม่การันตี และเมื่อเจ้าหน้าอุทยานไม่แนะนำให้ปีน แล้วพวกเรายังจะปีน ถือว่าเป็นการตัดสินใจของเรา และประกันจะไม่จ่ายหากเกิดอุบัติเหตุ หรือต้อง rescue เรา อ้าวแล้วกัน ไอ้ตัดสินใจของเราเนี่ย เราก็ไม่ว่าไร ยังอยากลองเสี่ยง แต่ถ้าประกันไม่รับนี่ เกิดอากาศเปลี่ยนเป็นหนักขึ้นกลางทาง และหิมะสไลด์ลงมา ต้องมีการอพยพ ประกันไม่จ่าย ตายล่ะทีนี่ มองหน้ากันแล้วก็บอกว่า เอิ่มมมม ไม่เอาดีกว่าเนาะ (เรายังมีอีกไกลต้องไป เป็นไรมาไม่คุ้มนะเนี่ย) เสียดายมาก ขอบอก แต่นี่คือสิ่งที่เราต้องเสี่ยงเอากับการเดินทางช่วง shoulder ที่พัก และทุกอย่างถูก คนไม่เยอะ แต่ต้องเสี่ยงกับอากาศไม่เป็นใจ เมื่อเราต้องมีกิจกรรมที่เป็นธรรมชาติแบบนี้ แล้วเราก็มานั่งคิดว่าจะรออีกวันมั๊ย ตกลงว่าเรารออีกวัน 

 

หลังจากผิดหวังกับอากาศที่ไม่เป็นใจ เราสองคนเลยต้องเปลี่ยนการสำรวจของพวกเรา ไปสำรวจอุทยานแห่งชาติ Vallarrica ที่อยู่อีกด้านของภูเขาไฟ แทนดีกว่า ที่นี่มีถ้ำที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ Volcanic Caves Villarrica จากจุดนี้ก่อนเดินไปที่ถ้ำ เราสามารถมองเห็นเมือง Pucon ได้ทั้งเมืองและเห็นทะเลสาบ (ทะเลสาบที่นี่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ การยุบตัวของแผ่นดิน พอมาที่นี่ได้เรียนรู้ว่ามันเกิดยังงัย ก็น่าอัศจรรย์ในธรรมชาติสร้างอีกเช่นเคย) ได้จากบนนี้ แต่อย่างที่บอกมาช่วง shoulder season ก็ท้องฟ้าอาจจะไม่แจ่มให้มองเห็นได้ไกล แต่ก็ได้บรรยากาศสวยไปอีกแบบ

align=


align=


align=


align=


ปากถ้ำ

align=


align=


align=


align=


align=


align=


align=


เสร็จจากการสำรวจถ้ำ ก็ไปลั้นลาเดินตาม trail ในอุทยาน 

align=


align=

 

19 ต.ค. 55 

 

ตอนตีห้าลุกขึ้นมา โทรหา agency ที่เราซื้อทริปปีนเขาไว้ เพื่อเช็คอากาศ เช็คเสร็จ ผิดหวังอีกวัน เพราะอากาศเช้านี้แย่กว่าเมื่อวานอีก เราเลยล้มเลิกความตั้งใจ 

 

วันนี้ก็เลยเตร็ดเตร่ในเมือง Pucon และก็ตัดสินใจซื้อตั๋วรถเพื่อไปต่อ (เพราะรออีกวัน ก็ไม่รู้ว่าอากาศจะเป็นใจให้เราได้ปีนอีกหรือเปล่า ไม่อยากเสียเวลารอ) 

 

เราสองคนเลยแยกย้ายกันบ่ายๆวันนี้ พร้อมความรู้สึกดีๆ กับเพื่อนใหม่ แล้วเราก็นั่งรถบัส คนละคันไปคนละที่ Suzanna ตั้งใจไปต่อทางใต้ของชิลี เพื่อไป Terres del Paine ส่วนเรามุ่งหน้า Bariloche 


19 ต.ค. 55


สิ่งที่ประทับใจสุดๆ ของการนั่งรถจาก Pucon ไป Bariloche นอกจากวิวข้างทางเมื่อเข้าใกล้ Lake แล้ว 
align=

align=

ยังมีโอกาสเจอคนอาร์เจนตินาที่น่ารักมากๆ ด้วย รถจาก Pucon ไป Bariloche มีแวะที่ San Martin de los Andes ตอนเปลี่ยนรถตรงนี้แหละ ที่เราได้นั่งข้างผู้หญิงชาวอาร์เจนติน่า ที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี คุยกันไปถูกคอ เธอน่ารักขนาดว่ามาเป็นเพื่อนเราถึงที่พัก เพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่หลง แถมแนะนำร้านอาหารที่เสริฟเบียร์ local ที่เราต้องลอง (เธอบอกว่างั้น เราคนเชื่อคนง่าย ก็เดินตามเค้าไป)​ ที่ไม่ไกลจากที่พักเรา เธอรอเพื่อนมารับ เราก็เลยได้นั่งดื่มเบียร์เย็นๆ และอาหารอร่อย ๆ มีคู่สนทนาที่น่ารักที่สุด เป็นเองและพร้อมจะให้ความช่วยเหลือทุกสิ่งถึงขั้นว่า ให้ข้อมูลเพื่อนเธอที่ Terra del Paine บอกว่าถ้าเราไป Terra del Paine เราต้องไปติดต่อใครและให้อ้างชื่อเธอ เราจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และจะได้ไปในที่ๆ นักท่องเที่ยวทั่วไปไม่ได้ไป และ deal ที่ดีสำหรับทริปที่นั่น แต่เนื่องจากเราจะไป Antarctica เลยตัดสินใจ ไม่ไป Terra del Paine แต่อย่างไรก็ตาม การนั่งรถหลายชั่วโมงแบบนี้ เป็นเรื่องไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ประทับใจที่เจอคนท้องถิ่นที่น่ารักขนาดนี้ ถือว่าโชคดีมาก ๆ 
align=

ใครไป Bariloche แนะนำร้านนี้ด้วย ที่สำคัญบาร์เทนเดอร์หล่ออีกแล้วอ่ะ 555
align=


20-21 ต.ค.​55

สองวันนี้ สำรวจ Bariloche เมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่อยู่แนว Lake District เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของอาร์เจนตินา มีทั้งคนอาร์เจนตินาเอง และชาวต่างชาติ เยอะไปหมด สำหรับชาวอาร์เจนตินาที่มีสตางค์ ก็จะซื้อบ้านที่นี่ไว้เป็นบ้านพักเสาร์-อาทิตย์ เป็นเมืองที่ใหญ่มากทีเดียว พอเราไปถึง ได้เห็นบรรยากาศ เลยเข้าใจว่าทำไมเมืองนี้จึงเป็นเมืองที่คนมีตังค์ชาวอาร์เจนตินา จึงต้องมีบ้านไว้ มันสวยจริงๆ อากาศก็ดีมากด้วย 

ภูมิประเทศของเมืองนี้ ก็คือเนินเขาสูงด้านหนึ่งทอดลงสู่ทะเลสาบอีกด้าน ประมาณว่าเดินเล่นที่นี่เดิน slope อ่ะ แม้ว่าอากาศจะเย็น แต่ได้เหงื่อเรยนะจะบอกให้ 
align=

align=

align=

ตลาดนัดอีกแล้ว แต่อันนี้ขายของศิลปะหัตกรรมท้องถิ่น 
align=

ทิวทัศน์ ขณะเดินจากถนนด้านบนลงไปที่ lake รถคันข้างหน้าเอาไว้สำหรับนักท่องเที่ยวจ้า จะขึ้นจะลงซื้อตั๋วซะก่อน
align=

mascot ของที่นี่เลย ตัวข้างหน้านะ ไม่ใช่คนข้างหลัง 555
align=

ถ้าจะมองเมืองทั้งเมืองจากมุมสูงที่นี่เค้าก็มีบริการ ขึ้นกระเช้าไป 
align=

align=

ภาพจากที่สูงก็สวยอย่างนี้ พอดีวันนั้นที่ไป ฟ้าปิด เมฆเยอะ ฝนปรอยๆ ลมสุดๆ ประมาณว่าถ้าไปยืนที่โล่ง ลมอาจจะหอบไปทั้งตัวได้ เลยทำให้หน๊าวหนาว แต่มองลงมาเห็นทั้งเมืองสวยแบบนี้เลย
align=

align=

align=

align=

คืน 21 ต.ค.​ นั่งรถเพื่อไป Buenos Aires ระยะทางไกลมาก นั่งกันทั้งคืนและอีกครึ่งวันกว่าจะถึง Buenos Aires

จบตอนนี้เท่านี้ก่อนค่ะ ตอนหน้าจะเป็นประสบการณ์ที่ Buenos Aires ถึง Iguazu Falls ค่ะ