Denmark - Norway - Sweden - Finland - Iceland ตอนที่ 1
Posted on January 18, 2014 14:23


การเดินทางไป สแกนดิเนเวีย ครั้งนี้ เดิมตั้งใจจะไปให้ทันได้ดูแสงเหนือ หรือ Northern Light ที่ไอซ์แลนด์หรือนอร์เวย์ แต่เนื่องจากว่าเดือนที่เริ่มเดินทางเข้าเดือนเมษายนแล้ว การจะได้เห็น northern light คงไม่ใช่เรื่องที่การันดีได้แล้ว บวกกับนัดเพื่อไปเจอกันที่อังกฤษหลังจากสแกนดิเนเวีย เพื่อนจะได้เอาเสื้อผ้ากันหนาวกลับบ้านให้เราด้วย เพราะจากสแกนดิเนเวีย แล้วเราจะไปต่อที่เมืองค่อนข้างร้อน ไปหาร้อน ถ้าไม่จำเป็นต้องมีน้ำหนักของเสื้อผ้ากันหนาวให้หนักกระเป๋าหลังจากนี้ได้คงดี ดังนั้น เลยเปลี่ยนจุดเริ่มจากเดิม ไอซ์แลนด์ เดนมาร์ค นอร์เวย์ สวีเดน จบที่ฟินแลนด์ เลยสลับเอาไอซ์แลนด์มาไว้สุดท้าย  เพื่อเสร็จจากไอซ์แลนด์จะได้บินต่อไปที่อังกฤษได้เลย

 

เอาล่ะ เข้าเรื่องช่วงเส้นทางสแกนดิเนเวียกันเลย


align=


สถานที่แรกของสแกนดิเนเวียที่เราไปถึงคือ Copenhagen ประเทศ Denmark

 

โคเปนเฮเกน เป็นเมืองหลวงของเดนมาร์ค ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของซีลานด์ (Zealand) ทางด้านข่องแคบที่คั่นระหว่างเดนมาร์คกับสวีเดน ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่ตื่นตาตื่นใจกว่าเมืองหลวงของสแกนดิเนเวียอื่นๆ (อันนี้เดี๋ยวค่อยมายืนยันตอนไปครบทั้งห้าประเทศของสแกนดิเนเวียก่อนนะ)

 

ก่อนไปลองศึกษาหาข้อมูลของที่พัก สแกนดิเนเวียขึ้นชื่อเรื่องค่าครองชีพที่สูงลิบลิ่วอยู่แล้ว ดังนั้นตอนหาที่พักก็แน่นอน หา hostel หรือไม่ก็ Bed & Breakfast ที่ไม่ค่อยแพง ระหว่างหาข้อมูลก็ไปเจอ B&B ที่หนึ่งใน Copenhagen อยู่ออกไปนอกตัวเมือง แต่ใกล้กับรถไฟฟ้า เหมาะมาก ราคาไม่แพง ก็จองเลย

 

เมื่อจองเสร็จได้รับอีเมล์ตอบรับจากเจ้าของ B&B ชื่อ Onn & Johansen Flemming เป็นชาวเดนมาร์ค ลงท้ายอีเมล์ด้วยรูปตัวเองใส่ชุดไทย เราก็เดาได้เลยว่าพี่อร นี่ต้องเป็นภรรยาและเป็นคนไทยแน่นอน โชคดีจริงๆ ที่จะได้เจอกับคนที่รู้จักเมืองไทยเป็นอย่างดี

 

ลงเครื่องบิน ที่สนามบิน Copenhagen ในวันที่ 13 เมษายน 2555 ก็ซื้อตั๋วรถไฟเข้าในเมืองได้ ทุกอย่างสะดวก ถามเจ้าหน้าที่ เค้าก็อธิบายดีมาก เดินทางแสนจะง่ายในประเทศนี้ พูดภาษาอังกฤษ อ่านภาษาอังกฤษได้เป็นพอ นั่งรถไฟมาถึงสถานีที่ต้องลง ก็ลงเดิน ลากกระเป๋าไปตามแผนที่ ก็ไปถึง B&B ที่ว่า เป็นบ้านหลังเล็กๆ มีผู้ชายชาวเดนมาร์คออกมาตอนรับ แบบที่มีผ้ากันเปื้อนผูกอยู่ที่เอว กล่าวต้อนรับ “สวัสดีครับ” เป็นภาษาไทย เค้ากำลังทำอาหารเช้าให้กับแขกคนอื่นที่พักอยู่ อีกไม่นานภรรายาคนไทยและลูกหน้าตาน่ารักมากออกมาต้อนรับ และนั่นเป็นการยืนยันสิ่งที่เราคาด บ้านนี้เป็นคนไทย (ช่างบังเอิญจริงๆ)​ แต่งงานกับชาวเดนมาร์ค ที่สำคัญพี่อรมาจากโคราช อีสานเหมือนกันเลย 555

 

หลังจากเอาของเก็บ เอนหลังซักแป๊บ ขณะหาข้อมูลเมือง Copenhagen เพื่อ mark จุดที่จะไป อาบน้ำทำตัวให้สดชื่น แม้ว่าจะเหนื่อยจากการนั่งเครื่องบินมาไกล  แต่ก็จะไปสำรวจโคเปนเฮเกนซักเล็กน้อยก่อน ว่าแล้วก็นั่งรถไฟเข้าไปที่บริเวณเมืองเก่า แล้วก็เดินเท้าไปตามถนน

 

เริ่มจาก town hall square 

align=


align=


ใกล้ๆ กันมี Tivoli Concert Hall

align=


ต่อไปยัง Christiansborg Palace 

 align=

 

จากนั้นเดินตามถนนผ่าน Nikolaj Contemporary Art Center  

align= 


แล้วเลี้ยวไปตามถนน Gothersgade ก็จะไปเจอ Rosenborg Castle ที่ทหารยามกำลังเปลี่ยนผลัดพอดีเลย

align=


align=


หลังจากนั้นเราก็เดินตามทหารยามว่าเค้าเปลี่ยนจาก Rosensborg Castle ไปที่ไหน เดินตามเค้าไปตามถนน Gothersgade เลี้ยวซ้ายที่ถนน Bredgade ก็จะไปเจอ Marble Church เป็นโบสถ์สีขาวหลังคาเขียว สวยทั้งด้านนอกและด้านใน

align=


align=


เดินต่อไปอีกนิดหน่อยก็เป็นวังอมาเลี่ยนบอร์ก Amalienborg Palace ตรงนี้ก็ยังเห็นทหารยามผลัดเปลี่ยนเช่นกัน หยุดดูอยู่นานอีกแล้ว

align=


align=

 

ทหารยามประจำการที่วังอมาเลี่ยนบอร์ก

align=


วันนี้เป็นวันที่อากาศดีพอสมควร มีสลับกับครึ้มฟ้าครึ้มฝน กับฝนปรอยเล็กน้อย ก็เวลาครึ้มมาฝนปรอยก็หนาวมากขึ้นมาที แป๊บเดียวก็ฟ้าใสขึ้นมาอีก สลับกันไปอย่างนี้อยู่หลายชั่วโมง หนาวขึ้นมาหน่อย ก็ดื่มกาแฟ อุ่นขึ้นมาเดินเหนื่อยละ ก็กินไอติม เพลินจริงๆ วันนี้ เมืองสวยเดินได้ไม่เหนื่อยเลย


หลังจากนั้นก็เดินเพื่อที่จะไปดู Little Mermaid (นึกว่าจะมีแต่ที่บ้านสุนทรภู่บ้านเราซะอีก 555) จาก Amalienborg Palace เดินตามถนน Amaliegade ผ่าน The Gefion Fountain ก็หยุดถ่ายรูปก่อน ญี่ปุ่นเยอะมว๊าากกกก ทักทายเค้านิสนึงในฐานะชาวเอเชียด้วยกัน “konnichiwa” เท่านั้นแหละเป็นที่สนใจเลย “คนญี่ปุ่นเหรอ, มาจากไหน, จะไปไหน, มาคนเดียวเหรอ….ตอบไม่ทันเลย เพราะพูดภาษาญี่ปุ่นได้นิดเดียวจริงๆ เลยบอกว่า “watashi wa tai jin desu” (คนไทยค่ะ)​ แล้วก็ขอให้เค้าช่วยถ่ายรูปให้ซะเลย อิอิ

align=

 

ไม่ไกลจากน้ำพุ Gefion ก็เป็นโบสถ์ St.Alban’s Anglican Church

align=

 

หลังจากนั้นก็มาถึง Little Mermaid 

align=


ถ่ายรูปเสร็จก็เดินทอดน่องมาเรื่อยๆ ตามริมคลอง มองเห็น The Opera ที่อยู่อีกด้าน

align=


align=


เรียบคลองมาเรื่อยๆ ก็จะเจอ อาคารตลาดหลักทรัพย์เดิม เป็นอาคารที่มองดูแล้วขลังดี 

align=


เลยมาอีกนิดก็เป็น The Royal Library

align=


จักรยานเยอะมาก 

align=


พอมาถึงตรงนี้ อืม ขาเริ่มยกไม่ไหวละ เอาเป็นว่ากลับก่อนดีกว่าวันนี้ พอกลับมาถึงที่พัก ก็พบว่าพี่อรกำลังเตรียมทำกับข้าวเย็น ก็ได้มีโอกาสคุยรู้จักกันมากขึ้น ถามไถ่กันไปว่าไปมายังไงถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ขอบอกว่าชีวิตพี่แกน่าสนใจมาก แต่เอาเป็นว่าเรื่องส่วนตัวพี่เค้าไม่เล่าละกัน

 

มื้อเย็นวันนี้เป็นสมนาคุณพิเศษจากพี่อร ทำลาบหมูให้ทาน ฝีมือคนไทยอีสานทำลาบ อร่อยมาก กินกะข้าวสวยร้อนๆ แหม เข้ากั๊นเข้ากัน เครื่องปรุงประเภทเมืองนอกไม่มี พี่แกหอบใส่กระเป๋าเดินทางมาจากบ้าน เลยได้รสชาดอาหารไทยอีสานแท้ๆ ขอขอบคุณพี่อรและคุณสามีเธอเป็นอย่างมาก

 

มื้อนี้ไม่ได้ทานกับพี่อร ลูกและสามีเท่านั้น อีกห้องของบ้านหลังนี้มีแฟนหนุ่มสาวชาวฮ่องกง เช่าอยู่ ก็ได้มีโอกาสคุยกัน เค้าสองคนเพิ่งกลับมาจากกรีนแลนด์ เอารูปมาให้ดู โอ้โห้ ดูแล้วหนาวจับขั้วหัวใจ เค้าแบ่งปันประสบการณ์ว่าที่นั่นเป็นอย่างไร ก็พบว่าหนาวอย่างเดียวเลย สรุปว่าเดือนเมษายนนี่ยังหนาวเกินไปที่จะไปกรีนแลนด์ ยกเว้นว่าซาดิสม์อยากไปที่หนาวอย่างเดียวเลย แต่ก็นับถือน้ำใจของสองหนุ่มสาวนี้ ที่ตั้งใจไปกัน เค้าก็ได้ประสบการณ์ที่เค้าสองคนประทับใจไปตลอดในแบบของเค้านั่นแหละ

 

กรีนแลนด์เป็นหนึ่งใน bucket list แต่ไม่ได้ทำวีซ่ามาไว้ด้วยครั้งนี้ เอาไว้โอกาสหน้า


ใครจะไปกรีนแลนด์ต้องไปขอวีซ่าที่สถานฑูตเดนมาร์คและต้องระบุให้ชัดเจนว่าจะไปกรีนแลนด์ด้วย ไม่เช่นนั้นเข้าไม่ได้ เพราะวีซ่าจะต่างกันเป็นแบบ Schengen ธรรมดาหรือแบบที่ระบุว่าไปกรีนแลนด์ด้วย 

 

คืนนี้เข้านอนแต่หัวค่ำ เพราะพรุ่งนี้จะเข้าไปในเมืองอีกครั้ง คราวนี้จะเข้าไปดูใน Rosenborg Castle และอีกซึกหนึ่งของเมืองที่ไม่ได้เดินวันนี้

 

วันที่ 14 เมษายน 2555 ตื่นเช้ามา สิ่งแรกที่นึกถึงคือ ที่บ้านเราตอนนี้คงสาดน้ำกันอย่างสนุกสนาน และอากาศคงร้อนตับแล่บ ส่วนเราตอนนี้อยู่ที่เมือง ที่หนาวจัง ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยก็มีอาหารเช้าฝีมือคุณสามีพี่อร ทานเสร็จก็เตรียมตัวจะออกไปเดิน พี่อรมาอยู่นานแล้ว แต่ไม่เคยได้มีโอกาสไปเดินในเมืองแบบนักท่องเที่ยว ก็เลยถามว่าพี่อรว่าอยากไปด้วยกันมั๊ย สามีอนุญาตแล้ว พี่อรก็เอาลูกพร้อมรถเข็ญไปด้วยกันสามคน ผู้ใหญ่สองเด็กหนึ่ง

 

สถานที่แรกที่เราเจาะจงไปคือ Rosenborg Palace วันนี้เราเข้าไปดูข้างใน พิพิธภัณฑ์ด้านใน เก็บสมบัติมีค่าไว้มากมาย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่อนุญาตให้ถ่ายรูปด้านในได้ในบางจุด สวยมาก

align=


ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในพระราชวัง เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกัน เราก็ถ่ายให้สองแม่ลูกเพื่อเค้ามีเก็บไว้ดูด้วย ส่วนเราก็ขอมีรูปกับตัวเล็กไว้เป็นที่ระลึกด้วยเช่นกัน

align= 


หลังจากเสร็จจากพระราชวังเราก็เดินต่อไปที่คลอง Nyhavn อันลือชื่อของโคเปนเฮเกน คนเยอะมาก ไม่มีที่จะนั่งเลยทีเดียว 

align=


อากาสดีมากในความรู้สึกเราแต่เกรงว่าจะหนาวเกินไปสำหรับเด็กที่ต้องนั่งอยู่ข้างนอกนานขนาดนี้ เราตัดสินใจเดินต่อไปที่ห้างใกล้ๆ แถบนั้นแทน 

 

ทานอาหารกลางวันเรียบร้อย ท้องอิ่ม พร้อมเดินได้อีกรอบ เราก็ไปกันที่ หอคอยทรงกลม ที่เรียกว่า Rundetaarn เพื่อขึ้นไปชมโคเปนเฮเกนจากด้านบน


align=


align=

วิวด้านบนสวยมาก ขอบอก ลูกสาวพี่อร ก็สนุกมากเช่นกัน เดินขึ้นลงได้ แบบเธอไม่เหนื่อยเลย แต่คนตามตะครุบเหนื่อยพอตัว เพราะเกรงว่าเธอจะหกล้มกลิ้งลงไปข้างล่าง แต่ก็รู้สึกดีมากที่ได้ทำให้คนไทยอีกคนได้มีโอกาสมาชมเมืองที่ตัวเองอยู่มานานแล้ว ในแบบนักท่องเที่ยวซักครั้ง

 

หลังจากเหน็ดเหนื่อยมากว่าครึ่งวัน (สำหรับเรายังได้อีก แต่เกรงว่าพี่อรแกจะเหนื่อยมาก เพราะต้องหอบลูกด้วย) คิดว่าน่าจะได้เวลาพาพี่อรและลูก กลับที่พัก ระหว่างทางพี่อรพาไปร้านขายของชำที่แกซื้อประจำ เป็นร้านของชาวเวียดนาม ขายของจากเอเชีย ระหว่างที่พี่อรซื้อของมาทำกับข้าว เราก็คิดจะตอบแทนเจ้าของบ้านที่ทั้งมีน้ำใจและเป็นมิตร เราเลยซื้อเบียร์เพื่อกลับไปดื่มกับเจ้าของบ้านเย็นนี้ แทนที่จะซื้อเบียร์ไทย (เพราะคิดว่าเค้าต้องเคยดื่มเยอะแล้ว)​ เราซื้อเบียร์เวียดนามที่เราชอบดื่มตอนอยู่ที่เวียดนาม มานำเสนอ วันนี้พี่อรทำก๋วยเตี๋ยวเนื้อเป็นอาหารค่ำ เราสามคนก็นั่งทานและดื่มเบียร์ พร้อมสนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิด เป็นการจบวันที่รู้สึกดีมากๆ อีกหนึ่งวัน

 

วันรุ่ง 15 เมษายน 2555 ขึ้น จะนั่งรถไฟไปที่ Helsingborg ของ Sweden บอกลาเจ้าของบ้าน พร้อมแจ้งไว้ว่าเราอาจจะกลับมาพักตอนขากลับก่อนบินไปไอซ์แลนด์ แล้วจะยืนยันวันอีกครั้ง

 

จบเส้นทางสแกนดิเนเวีย ฉบับที่ แต่เพียงเท่านี้ ฉบับถัดไปจะมาเล่าต่อประสบการณ์จาก Helsingborg ประเทศ Sweden ต่อไปจนถึง Norway