วันนี้ซื้อ day trip ไว้ เป็น Golden Circle ใช้เวลาประมาณ 8.5 ชั่วโมง เส้นทางจะผ่าน Nesjavellir (ใครไปหน้าหนาวเส้นทาง Nesjavellir อาจจะปิดได้)​ บริเวณที่มีความร้อนใต้พิภพที่อุณหภูมิสูง 

หลังจากตรงนี้ไปที่ Pingvellir National Park ที่นี่เป็นหนึ่งในมรดกโลก ที่มีความสวยงามเฉพาะตัว เพราะที่นี่ลักษณะทางธรณีวิทยาที่สำคัญคือ รอยแยกของเปลือกโลก ที่เป็นยอดของแนวร่องเปลือกโลก tectonic plate ที่เรียกว่า Mid-Atlantic Ridge ทำให้เกิดเป็นภูมิทัศน์ที่สวยงามอย่างนี้ แต่ขณะเดียวกันก็อันตราย 

ที่ Pingvellir มีทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ที่ชื่อว่า Pingvallavatn

แล้วก็ไปชมน้ำตก Gullfoss 

ต่อด้วย Geysir 

และ จบวันนี้ที่ Kerid Crater ที่เป็นปล่องภูเขาไฟที่มีสีสันสวยงาม

หลังจากกลับมาจากทริป เจ้าของบ้านชวนไปทานอาหารที่ร้านอาหารที่เค้าทานประจำ ได้มีโอกาสนั่งคุยกัน และเค้าแนะนำว่าเราต้องทานสเต๊คปลาวาฬ (แม้ว่าในใจจะบอกว่าเรารักปลาวาฬขนาดไหน แต่ครั้งหนึ่งและจะเป็นครั้งเดียวเลยต้องลอง) เจ้าของบ้านแนะนำ ก็ต้องสั่ง ทานแล้ว เออ อร่อยจริงๆ ด้วย เนื้อมันจะคล้ายเนื้อวัวชั้นดี และไม่มีกลิ่นคาว ทานได้แบบเกือบดิบเลย 

หลังจากทานอาหาร จิบไวน์ คุยกันกับเจ้าของบ้านทั้งสองคนแล้ว เราก็เดินกลับที่พัก และครั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้ว ไปลง hot tub กับเค้าด้วย โอ้แม่เจ้า รู้แล้วว่าทำไมเค้าถึงชอบจัง มันผ่อนคลายมาก อากาศเย็นไม่มากเหมือนตอนหน้าหนาว นั่งใน hot tub แล้วจิบไวน์ไป คุยสนทนาไป อืมมมมมมมมมมม คืนนี้หลับพริ้มอีกแล้ว 

5 พ.ค.​55 

วันนี้เป็นวันที่จะต้องบินไปลอนดอนตอนเย็นแล้ว ดังนั้นช่วงเช้า เราก็ทำควรจะไปชมและแช่ Blue Lagoon จะถือว่าเป็นการจบทริปสั้นๆ ที่ ไอซ์แลนด์แบบสมบูรณ์แบบมาก 

ทางเข้าไปบริเวณแช่น้ำพุร้อน

หลังจากชม แช่ (ที่นี่มีสูตรโคลนพอกหน้า พอกตัวจากดินภูเขาไฟสูตรต่างๆ มากมาย ใครชอบประทินโฉม เหมาะมาก ขอบอก) ประมาณสองชั่วโมงที่ Blue Lagoon ก็ได้เวลาช๊อป เพราะรู้ว่าเพื่อนรอที่อังกฤษหิ้วกลับให้ได้ ก็ซื้อได้เยอะหน่อย 555 

สำหรับประเทศ Iceland เป็นประเทศที่เก็บไว้เป็นหนึ่งในประเทศที่ต้องย้อนกลับไปอีก เพื่อเดินทางให้ครบทั้งประเทศตามเส้นทางข้างล่างนี้ บวกกับ กรีนแลนด์ และเกาะฟาโรห์ แน่นอนถ้าเมื่อไหร่ได้เดินทางแบบนักเดินทางไม่ใช่แบบนักท่องเที่ยวอย่างครั้งนี้ จะนำประสบการณ์มาแบ่งปันกันอีกครั้งค่ะ