Turkey ตอนที่ 1
Posted on May 15, 2014 20:31


ประสบการณ์ 10 วันที่ตุรกี

ประเทศตุรกีเป็นประเทศที่อยู่บนสองทวีปตะวันออกก็เป็นเอเชีย ตะวันตกก็ยุโรป เป็นประเทศที่มีหลายทะเลแวดล้อม ด้านเหนือ เป็นทะเลดำ ด้านล่างเป็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนด้านตะวันตกเป็นทะเลอีเจียน (Aegean) และตรงใต้ Istanbul เป็นทะเลมามาร่า (Mamara) ทะเลนี่แหละที่เป็นตัวแบ่งว่าด้านตะวันตกของทะเลนี้ถือเป็นยุโรป และด้านตะวันออกไปเป็นเอเชีย สรุปคือตุรกีมีพื้นที่อยู่ในเอเชียมากกว่ายุโรป 

ประเทศปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย คนในชาติส่วนใหญ่เป็นมุสลิม 

อะไรทำให้ตุรกีเป็นที่ที่คนอยากไป คงเป็นเพราะความหลากหลายทางวัฒนธรรมเมื่อครั้งโบราณกาลจนถึงปัจจุบันที่หล่อหลอมให้เป็นตุรกีแบบทุกวันนี้ ถ้าย้อนกลับไปประวัติศาสตร์ประเทศนี้เคยปกครองโดยกรีกโบราณรวมถึง Alexander the Great ด้วย และต่อมาจึงถูกทาง Seljuks (ชาวเปอร์เซียนจากแถบทะเลแคสเปี้ยน)​ เข้ายึด ต่อมาเข้าสู่ยุค Ottoman จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ยุค Ottoman ก็เสื่อมลง ต่อมาตุรกียังมีสงครามเพื่อเอกราชอีก ที่มีการแลกเชลยกัน เอาชาวกรีกกลับไป เอาชาวมุสลิมกลับมาที่ตุรกี พอสังเขปเพื่อให้รู้ว่านี่สิ่งที่ทำให้ประเทศนี้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมทำให้ประเทศนี้มีทั้งเมืองโบราณแบบโรมัน สนามรบ และมัสยิดสวยๆ ให้ดู 

นอกจากนี้ประเทศนี้ยังมีความหลากหลายทางภูมิประเทศและธรณีวิทยาที่น่าสนใจ เช่นที่ Cappadocia ที่ Pamukkale เป็นต้น 

อีกอย่าง การมีบรรพบุรุษเป็นชาวเปอร์เซียและชาวกรีก (มันต้องมีผสมข้ามกันบ้างแหละ)​ ทำให้ชาวตุรกีหน้าตาหล่อสวยมากอ่ะ อิอิ อันนี้สาวๆ คงไม่ปฏิเสธ

ทั้งหมดนี้ทำให้ตุรกีเป็นสถานที่ที่หลายๆ และเชื่อว่านักเดินทางทุกคนต้องมีอยู่ใน bucket list ของตน

เส้นทางในตุรกีที่จะไป ตามนี้เลยค่ะ 
align=

2 มิถุนายน 55 
บินจากสนามบิน Aman ที่จอร์แดน ไป Istanbul ตุรกี ไปถึงตอนบ่าย relax นิดหน่อย Istanbul สวยจริงๆ อย่างที่เห็นในภาพ
align=

align=

แล้วก็ออกไปทานอาหารตุรกีมื้อเย็นเป็นมื้อแรก ที่ร้าน Ozler restaurant เป็นร้านอาหารในย่าน Serkeci 
align=

align=

3 มิถุนายน 55 
เช้าวันนี้ออกสำรวจจุดสำคัญของ Istanbul แถวเมืองเก่าต้องไป ก็จะมี 

Sultan Ahmen Mosque หรือ Blue Mosque เหตุที่ถูกเรียก Blue Mosque เพราะที่นี่ตบแต่งด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินที่สวยงาม เป็นมัสยิดที่ถูกสร้างตั้งแต่ ปี 1609 to 1616 ตั้งแต่สมัยสุลต่าน Ahmen ที่ 1 
align=

align=

align=

ใกล้ๆ กันกับ Blue Mosque ก็เป็น Hagia Sophia เคยเป็นโบสถ์ออโธดอกซ์เมื่อสมัยโรมัน ต่อมาเป็นมัสยิด ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ ที่นี่สวยกว่า Blue Mosque 
align=

align=

align=

Topkapi Palace เป็นพระราชวังใหญ่ใน Istanbul เคยเป็นที่พักหลักของสุลต่าน Ottoman พระราชวังนี้เป็นหนึ่งในมรดกโลก
align=


align=

Hippodrome สมัยโบราณก็คือสนามกีฬา แต่ปัจจุบันก็ไม่มีสภาพเป็นสนามกีฬาแล้วล่ะ เพราะพื้นที่ได้ถูกใช้งานเป็นอย่างอื่นแล้ว ปัจจุบันก็เป็นสแควร์ที่มีแท่ง Obelisk ให้เห็นอยู่
align=

เชื่อหรือไม่ Istanbul มีนักท่องเที่ยวปีละประมาณ 12 ล้านคนในปี 2012 (เราเป็นหนึ่งในคนทำสถิตินี้ อิอิ) แต่ยังห่างไกล  Bangkok ของเรานัก ของเราโน่นปาไปเกือบ 16 ล้านคน ในปี 2012 กรุงเทพชนะลอนดอนไป 1% มาอยู่อันดับ 1 (ดีใจนะเนี่ย) ส่วน Istanbul เป็นอันดับ 6 เด๋วจะหาว่ายกเมฆ ดูได้ตามนี้เรย http://insights.mastercard.com/wp-content/uploads/2013/05/MasterCard_GDCI_Final.pdf

หลังจากชม Istanbul ในเวลาหนึ่งวันท่ามกลางอากาศร้อนพอควร แล้วค่ำนี้เราก็นั่งรถบัสแบบรถเอนนอนได้ หลับไปทั้งคืน 

4 มิถุนายน 55 
เช้าก็มาถึง Kayseri จากนี้ เรายังต้องนั่งรถต่อไปอีก 1 ชั่วโมงเพื่อไปที่ Cappadocia แวะที่ Derinkuyu Underground City เมืองใต้ดินสมัยโบราณ ตั้งแต่ 700-800 BC เป็นลักษณะการทำเมืองใต้ดินเพื่ออยู่อาศัย ทำเป็นหลายชั้น สามารถจุคนได้ถึง 20,000 คน รวมทั้งปศุสัตว์ที่เลี้ยงและผลผลิตการเกษตรที่ผลิดได้อีก จากการศึกษาของนักโบราณคดี เชื่อว่าถ้ำนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของดินหินภูเขาไฟ และทำให้เกิดเป็นถ้ำที่สามารถใช้ประโยชน์ได้แบบนี้ และมีการขยับขยายเมื่อยุคที่ชาวเปอร์ครองพื้นที่และได้ใช้เมืองนี้เป็นที่ตั้งของผู้ลี้ภัย 

align=

align=

align=

align=

ช่วงบ่ายๆมาถึง Cappadocia ที่มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่มีความเฉพาะมาก ลักษณะนี้เกิดจากการก่อตัวจากเถ้าภูเขาไฟ เมื่อหลายๆพันปีที่แล้ว ก่อตัวจากเถ้าเป็นหินและมีการกัดกร่อนทางธรรมชาติต่อเนื่องจนเกิดลักษณะรูปร่างของหินที่แตกต่างกันมากมาย เป็น Cappadocia ที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ ธรรมชาติสร้างสรรค์สิ่งที่สวยงามแตกต่างให้เราได้เห็นจริงๆ 

วันนี้เข้าพักที่ Peri Cave hotel อยู่ที่ Göreme เป็นโรงแรมที่สร้างห้องพักในหินแบบนี้แหละ น่ารักดี 
align=

align=

คืนนี้ก็ไปเดินชม Göreme หาที่ซักผ้ากันดีกว่า ว่าแล้วก็เดินไปหาร้านซักรีด กดตังค์​ จบด้วยทานอาหารแบบชิลล์ๆ พร้อมทำความรู้จักเพื่อนใหม่ๆ ชิลล์ๆ วันนี้ เพราะรู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องเดินไกลและร้อนทีเดียว

5 มิถุนายน 55

วันนี้หลังจากขับรถไปถึง trail ที่เป็นจุดเริ่มต้นของ Akvadi (White Valley) แล้ว ก็เดินผ่านสวนผลไม้ ไร่องุ่นไปตาม trail 

align=


align=


align=


align=


align=


อันนี้ฉลาดมาก เพราะรู้ว่าคนเดินมาถึงตรงนี้ แน่นอนต้องหิวน้ำ เอาน้ำส้มคั้นมาขาย ราคาเท่าไหร่ก็ซื้ออ่ะ ทั้งเหนื่อยทั้งร้อน 

align=


เพื่อไปถึง Uçhisar ขึ้นไปป้อมปราการด้านบน เพื่อมองลงมาจะเห็น Valley ที่สวยงาม 

align=


เดินไกลมากขอบอก มาถึงธงนี้ถือว่าถึกมาก ก็ต้องถ่ายรูปฉลองความแข็งแรงของสาวไทย 555

align=


มองลงไปก็วิวสวยงี้เลย

align=


หลังจากนั้นก็เดิน trail ที่ Pigeon Valley ก่อนกลับ Goreme 

align=


align=


align=


align=


ระหว่างทางแวะทานอาหาร เมนูแนะนำต้องนี่เรย Pottery Kebab

align=


align=


และก็แวะโรงงานพรมกับเครื่องปั้นดินเผาด้วย แต่ก็ไม่แตกต่างจากที่เห็นมาจากโมรอคโคเท่าไหร่


คืนนี้จบประสบการณ์ที่ Cappadocia ด้วยการไปดูโชว์​ที่เรียกว่า whirling dervish sema เป็นการเต้นในพิธีกรรมทางศาสนาอย่างหนึ่งของชาวมุสลิม การเต้นแบบนี้คล้ายการทำสมาธิอย่างหนึ่ง เป็นการเต้นเพื่อระลึกถึงพระเจ้า ลดละกิเลสและอัตตาของตน และการหมุนๆ เป็นการเลียนแบบการหมุนรอบดวงอาทิตย์ของระบบสุรยะจักรวาล 

align=


ระหว่างชมการเต้นก็กินไปดื่มไป ที่นี่มีการดื่มเครื่องดื่มอัลกอฮอร์ที่แปลกมาก คือ Raki เป็นเหล้าขาวของที่นี่ หมัก กลั่นจากองุ่น ระดับ 45 ดีกรี ดื่มไปอึกนึง แม่เจ้า วาบไปตลอดทางตั้งแต่คอลงไปรู้หมดถึงไหนถึงไหน ชิมให้รู้พอแว้ววว (รูปข้างล่างให้ดูขาดเหล้า Raki แต่เชื่อว่าสายตาทุกคนคงมองที่นางรำซะหมดเรยอ่ะดิ อิอิ)

align=


6 มิถุนายน 55 

วันนี้เป็นวันเดินทางไกลอีกวัน จาก Cappadocia ไป Pamukkale อยู่บนรถท้าาาางงงงวันจริงๆ 


ตอนต่อไปจะมาเล่าต่อ ประสบการณ์ที่ Pamukkale - Seluck - Ayvalik - Canakkale - Gallipoli และจบที่ Istanbul ค่ะ