Denmark - Norway - Sweden - Finland - Iceland ตอนที่ 2
Posted on February 23, 2014 17:04


ตอนนี้จะมาเล่าประสบการณ์การเดินทางโดยรถไฟจาก Copenhagen - ประเทศสวีเดน Helsingborg (ผ่าน Malmo) - Gothenburg - ประเทศนอร์เวย์ Oslo  

เมื่อฉบับที่แล้วลืมเล่าไปอย่างหนึ่ง ตอนก่อนจะมาเราซื้อ Global pass สำหรับการเดินทางโดยรถไฟ 15 วันในเวลา 3 เดือนเป็นแบบ 1st class ข้อดีของตั๋วนี้เมื่อมาใช้ที่ Scandinavia ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มอีกแล้ว ไม่เหมือนกับการใช้ในยุโรปประเทศอื่นๆ ยังมีค่า fee อื่นๆ เพิ่มอีก ใครจะมาเที่ยว Scandinavia ถ้าเลือกรถไฟแล้วคุ้มมาก 

วันที่ 15 เมษายน บอกลาเจ้าของบ้านใจดีแล้วก็ออกเดินทางไปสถานีรถไฟ เพื่อเดินทางไปยัง Helsinborg ประเทศสวีเดน ผ่านทางเมือง Malmo คืนนี้ตั้งใจจะนอนที่ Helsinborg ได้จองห้องพักเป็นแบบ hostel ไว้แล้ว 

เมือง Helsingborg เป็นเมืองเล็กๆ ของประเทศสวีเดน เป็นเมืองชายฝั่งทะเลที่อยู่ใกล้กับเดนมาร์คมากที่สุด คงไม่ต้องบอกว่านั่นแปลว่าคนสวีเดนที่นี่จะมีความคล้ายคลึง กับคนเดนมาร์คมาก ไม่ใช่เรื่องหน้าตา (คือหน้าตาเค้าก็คล้ายกันอยู่แล้ว) หมายถึงความคิดความอ่าน วัฒนธรรมอะไรพวกนี้ 

align=
อันนี้รูป Helsingborg City Hall 

align=


align=
ถนนหนทางใน Helsingborg 

Helsingborg เป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของสวีเดน เริ่มก่อตั้งตตั้งแต่ปี 1085 (เก่ามาก) แต่เมื่อไปแล้วเราไม่รู้สึกว่ามันเก่าขนาดนั้น เมืองเล็กๆ สงบและเงียบมาก แต่สวยมีเสน่ห์อยู่ในตัว โดยเฉพาะเมื่อเราเดินไปตามถนนเล็กๆ ของเมืองนี้ ที่นี่มีป้อมปราการสมัยกลางชื่อว่า Karnän ตั้งอยู่กลางใจเมือง (วันที่เราไปเค้าปิด เลยไม่ได้ขึ้นไปบนหอคอย)​

align=

เมืองเล็กๆ สงบๆ นี้ก็เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของสวีเดน แต่ไม่ดูพลุกพล่าน เหมาะกับการมาพักผ่อนเพียงชั่วขณะ ถ้าต้องอยู่เลยนี่ก็เงียบเกิ๊นนนน ด้วยความเล็ก ก็ครึ่งวันเราก็เดินครบละ 

วันที่ 16 เมษายน ก็ออกเดินทางขึ้นรถไฟต่อไปยัง Gothenburg ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของสวีเดนรองจาก Stockholm ใหญ่เป็นอันดับสองแล้วคนแค่ครึ่งล้านเท่านั้น (เทียบกับบ้านเราไม่ได้เรย บ้านเราคนเย๊อะ 555) ระหว่างทางนั่งรถไฟจาก Helsingborg ไป Gothenburg นั้นเป็นรถไฟของสวีเดนแล้ว และพบว่าบนรถไฟมี wifi ใช้ฟรีได้อีก ชอบมาก ทำให้เดินทางแบบไม่เบื่อ จริงๆ แล้วก็ไม่มี wifi ก็คงไม่เบื่อหรอก เพราะวิวข้างทางสวยมั๊กมั่ก 

align=


align=

นั่งรถไฟมาถึงที่ Gothenburg เราก็ได้รับความประทับใจเพิ่มขึ้นกับเทคโนโลยีที่นี่ ลงรถไฟเดินไปเคาน์เตอร์เพื่อถามเจ้าหน้าที่ว่าเราต้องนั่งรถเมล์ หรือรถรางไปต่อยังไง เพื่อไปถึงที่อยู่ hostel ที่เราส่งให้เค้าดู เค้าคีย์ที่อยู่เข้าไปในคอมพิวเตอร์แล้วก็พิมพ์รายละเอียดออกมาให้เราดู บอกเสร็จสรรพว่าขึ้นรถเมล์สายอะไร ที่สำคัญขึ้นด้านไหน ซ้ายหรือขวาของถนน และไปต่อสายไหนที่สถานีอะไร และต้องลงสถานีไหน แม่เจ้าอะไรจะเที่ยงตรงแม่นยำขนาดนี้ คือถ้าหลงนี่ต้องแย่มากๆ เพราะบอกซะละเอียดขนาดนี้ แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับการขนส่งมวลชนขนาดไหน 

พอถึงที่พัก ที่พักเป็นบ้านที่เค้าแบ่งเช่าห้อง ก็เจอคู่สามีภรรยาชาวออสเตรเลีย มาพักอยู่อีกห้อง เค้าขับรถเที่ยวรอบทุกประเทศแถบนี้ นี่กะลังจะขับต่อไปยังยุโรป แถบฝรั่งเศสต่อไป ส่วนเราเอาของเก็บเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาสำรวจ Gothenburg

Gothenburg เป็นเมืองพาณิชย์ที่สำคัญของสวีเดน และเป็นเมืองที่อยู่ตรงกลางพอดีระหว่าง Copenhagen เมืองหลวงของเดนมาร์ค และ Oslo เมืองหลวงของนอร์เวย์ Gothenburg 

align=


align=


align=

ระหว่างที่เดินก็ผ่านสถานที่สำคัญของ Gothenburg เช่น Swedish Exhibition & Congress Center ซึ่งถือว่าเป็น convention center ที่ใหญ่ที่สุดของสแกนดิเนเวีย 

align=

ไม่ไกลกันก็เป็น Liseberg สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดของสแกนดิเนเวีย 

align=

การเดินทางไปมาในเมืองนี้นอกจากรถเมล์สมัยใหม่ ยังมีรถราง

align=

และที่ให้เช่าจักรยานอยู่หลายที่

align=

แต่เราเลือกที่จะเดิน เพราะอากาศมันดีมากค่อยๆเดินไป เหนื่อยก็หยุด ระหว่างทางกระหายน้ำ เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ เป็นคนติดน้ำอัดลมเลยซื้อโค๊ก แม่เจ้าขวดละร้อยบาทโดยประมาณ บ้านเราขาย 17 บาทเท่านั้น แต่ที่น่าสนใจไม่ใช่ที่ราคาที่แพงแต่เป็นที่ข้างขวดเขียนว่า PANT 1 KR คือขวดไปแลกเงินได้ 1 KR หรือประมาณ 5 บาทบ้านเรา น่าเอามาใช้บ้านเรามั่ง คงลดขวดพลาสติกขยะไปได้เยอะทีเดียว

align=


ที่นี่เค้ามีจุดที่น่าสนใจ หรือ point of interest หลายที่ เป็นต้นว่าตึกสูงของเค้า หรือ skyscraper อยู่ที่ศูนย์กลางเมืองเค้า ในย่าน Lilla Bommen

align=

ใกล้ๆ กันนั้นก็มี Barken Viking ซึ่งเป็นเรือใบที่ใหญ่ที่สุดที่เคยสร้างในสแกนดิเนเวีย 

align=

สังเกตว่าที่นี่จะมีที่สุดของสแกนดิเนเวียหลายอย่างเนาะ นอกจากนี้ก็มี Feskekôrka หรือ Fish Church หรือตลาดปลาในร่มของที่นี่ แต่อันนี้ไม่ได้เข้าไปดูข้างใน เพราะเราไปถึงค่อนข้างบ่าย เค้าปิดแล้ว

align=

ส่วนอันนี้ก็รูปปั้น Poseidon ที่ถือว่าเป็น landmark ที่สำคัญอีกอันของที่นี่

align=


ส่วนย่านที่น่าสนใจอีกที่เรียกว่า Haga district เป็นย่านที่มีบ้านไม้เต็มไปหมด เดิมย่านนี้เป็นย่านที่อยู่ของคนชั้นแรงงานซึ่งแน่นอนชื่อเสียงไม่ค่อยดีนัก ต่อมาได้รับการพัฒนาให้เป็นย่านสำหรับนักท่องเที่ยว ตอนนี้เลยกลายเป็นย่านที่น่าสนใจ 

align=

ใน Haga district นี้ยังมีส่วนที่เป็นประวัติศาสตร์ก็คือป้อมปราการ Skansen Kronan เป็นป้อมที่ถูกสร้างขึ้นอีกครั้งตอนศตวรรษที่ 17 และมีปืนใหญ่ติดตั้งอยู่ด้านใน แต่ปืนใหญ่ที่ติดตั้งนั้น ยังไม่เคยถูกใช้เลยตั้งแต่สร้างมา

align=


align=

จะมาดู Skansen Kronan นั้น ต้องเดินขึ้นเนินใน Haga district ซึ่งเค้ามีเวลาปิด เปิด ตอนเราไปถึงใกล้จะปิดแล้ว เลยต้องใช้วิธีวิ่งขึ้น หอบแฮกๆ เรยกว่าจะถึง เพราะสูงใช้ได้ จำขั้นบันไดไม่ได้แล้ว ขึ้นจากอีกด้าน ลงอีกด้าน พอขึ้นไปด้านบน มองลงมาเห็นเมือง Gothenburg สวยมากอ่ะ สีหลังคาตัดกันฉั้วเชี๊ยมาก 

align=

ส่วนอีกด้าน เรากำลังจะถ่ายรูปก็เห็นหนุ่มสองคนนี้เราเลยตะโกนบอกว่าเราจะถ่ายรูป เค้าจะได้หลบให้เราถ่าย แต่ปรากฎว่า เค้าบอกว่าถ่ายเลยเค้าอยากติดไปกับรูป เอ้า ถ่ายก็ถ่าย 555 

align=

ก็เป็นอันว่าสำรวจจนครบสถานที่สำคัญๆ ของ Gothenburg แล้ว ก็วิ่งลงไปข้างล่าง เดินเท้ากลับที่พัก ระหว่างเดินก็แวะซุปเปอร์มาร์เก็ต ซื้ออะไรกลับไปทานที่ที่พัก ประเทศแถบสแกนดิเนเวียชอบอาหารไทยมาก เค้าจะมีอาหารไทยแช่แข็งขายทุกที่ วันนี้เป็นข้าวแกงเขียวหวานไก่ รสชาดพอถูไถ ก็เป็นแบบฉบับชาวสวีเดน เราคนไทยก็พอทานได้ ไม่ค่อยอร่อยสำหรับเราเพราะของไทยแท้รสชาดจัดจ้าน แต่ไม่ว่ากัน 

วันนี้จบทริป Gothenburg ได้อย่างลงตัว 

วันที่ 17 เมษายน ตื่นมาตอนเช้าก็เห็นวิวสวยๆ แบบนี้จากห้องนอน 

align=

หนาวๆ อย่างนี้อยากนอนต่อ แต่ไม่มีเวลาอิดออดแล้ว เพราะต้องไปขึ้นรถไฟต่อไปยัง Oslo ประเทศนอร์เวย์วันนี้ ก็ทานอาหารเช้าเค้าเตรียมไว้ให้ นั่งมองวิวจิบกาแฟอุ่นๆ สบายใจจริงๆ 

เสร็จแล้วก็เก็บข้าวของเข้ากระเป๋า บอกลาเจ้าของบ้านแล้วก็ขึ้นไปที่สถานีรถไฟ ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง

ว่าที่สวีเดนทุกอย่างแพงแล้ว ต้องมาเจอที่นอร์เวย์ แพงขึ้นไปอีก ดังนั้นการเลือกที่พักให้ไม่แพงมาก เราเลยเลือกเช่าห้องพักของนักศึกษาที่เค้าให้เช่าเตียงนอน คนนี้เป็นเด็กผู้หญิงชาวจีนมาเรียนหนังสือที่นี่ ให้เช่าหอพักตัวเอง และวันที่มีคนเช่า เค้าก็ไปนอนกับเพื่อนเค้า 

เราไปถึง ก็นัดกับเค้าว่าเราต้องนั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานีไหน แล้วเค้าจะมารับ ลงรถไฟ ก็ต่อรถไฟฟ้าไปอย่างที่เค้าบอก เป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่นอกเมืองออกไปนิดหน่อย ข้อดีของการเช่าที่พักแบบนี้ เราได้คนพาเราดูเมือง (ถ้าเค้าว่าง) พอดีเราเช็คก่อนไป เค้ามีเวลาว่างพอดี เค้าเลยพาเราไปชมเมือง Oslo น้องคนจีนคนนี้ชื่อ Jiajia 

Oslo เป็นเมืองหลวงของนอร์เวย์ ทราบกันดีอยู่แล้ว ถือว่าเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของนอร์เวย์ มากที่สุดคือจำนวนประมาณครึ่งล้าน อีกละ มากที่สุดไม่ถึงล้านดูซิ เทียบกับกรุงเทพไม่ได้เรย ดังนั้นคงไม่ต้องบอกว่ามันไม่พลุกพล่านเลยที่นี่ 

จุดที่น่าสนใจของที่ Oslo ก็ต้อง Royal Palace วังนี้ถูกสร้างช่วงกลางศตวรรษที่ 19 มีถึง 173 ห้อง (แม่เจ้าจะหากันเจอมั๊ยเนี่ย 555) ปัจจุบันเป็นวังของกษัตริย์องค์ปัจจุบันของนอร์เวย์

align=

ถ้ายืนหันหลังให้วัง จะเห็นถนนเส้นนี้วิ่งลงเนินไป สวยดี

align=

City Hall ของ Oslo

align=

Oslo เป็นเมืองของรางวัลโนเบลเพื่อสันติภาพ เค้ามีศูนย์ Nobel peace center ที่นี่ ศูนย์นี้สร้างขึ้นเมื่อปี 2005

align=

ใกล้ๆ กันก็มี National Theater อันนี้ก็คือโรงละครแห่งชาตินั่นแหละ

align=

เดินไปอีกของย่าน Aker Brygge เป็นย่านที่คนมาเดินเล่น มีทิวทัศน์ที่สวยงาม ติดกับชายฝั่ง

align=


align=

จากตรงนี้มองไปอีกด้านของฝั่งจะเห็นป้อมปราการ Akershus ซึ่งเป็นป้อมที่คอยป้องกันอันตรายให้ Oslo และยังมีปราสาทอยู่ที่นั่นด้วย

align=

นอกจากนี้ย่าน Aker Brygge ยังเป็นย่านช๊อปปิ้งด้วยเช่นกัน

align=

เนื่องจากน้อง Jiajia ต้อนรับอย่างดี และพามาทานอาหารแบบที่นักศึกษาเค้าทำกันเวลามาเดินย่านนี้คือ ซื้ออาหารในซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วเอามาเวฟในไมโครเวฟที่เค้าเตรียมไว้ให้ แล้วก็นั่งกินบริเวณที่เค้าจัดให้ ราคาถูกแบบนักศึกษาจริงๆ แต่สำหรับบ้านเราก็ยังถือว่าแพงอยู่ มื้อนี้เลยถือว่าเลี้ยงข้าวไกด์กิตติมศักดิ์ แล้วเราก็คุยกันถูกคอมาก เราเล่าประสบการณ์การเดินทางให้เค้าฟัง เค้าเล่าเรื่องวัฒนธรรมบ้านเค้าและสิ่งที่เค้าได้เรียนรู้ว่าที่นี่แตกต่างมากมายขนาดไหนทั้งในด้านความคิด ความเชื่อ เค้าอยากมีชีวิตที่อิสระและสามารถตัดสินใจเองได้ เค้าบอกว่าเค้าได้แรงบันดาลใจมากจากการพูดคุยกับเรา และได้ข้อคิดมากมายที่เค้าจะนำไปปรับใช้กับตัวเค้า เรารู้สึกดีมากที่ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงอีกคนได้ ปลื้มอ่ะ 

ขอจบตอนที่สองของประสบการณ์เส้นทางนี้แต่เพียงเท่านี้ ตอนถัดไปจะมาเล่าประสบการณ์ตั้งแต่ Bergen - Trondheim - Tromsø และจบที่ Stockholm ค่ะ