Denmark - Norway - Sweden - Finland - Iceland ตอนที่ 3
Posted on March 4, 2014 21:27


วันที่ 18 เมษายน

จาก Oslo มุ่งหน้า Bergen เดินทางโดยรถไฟเช่นเคย Eurail pass first class แบบไม่ต้องจ่ายเพิ่มอีก และมี internet ให้เล่นไปตลอดทาง อาหารก็โอนะ ใช้เวลาเกือบ ชั่วโมงก็ถึง Bergen ระหว่างทางบนรถไฟ ทิวทัศน์สวยงามไปตลอดทางสลับแบบหิมะละลายหมดแล้ว

align= 

หรือละลายบางส่วน

align=


align=


หรือยังปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง

align=


align=


align=


ตลอดทางสวยจนหลับไม่ลงจริงๆ

 

ถึง Bergen เมืองที่ล้อมรอบด้วยภูเขา ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่ง ภูเขา หรือ city of seven mountains ภูมิทัศน์ก็คือเขาล้อมรอบ และตรงแอ่งที่ราบติดกับทะเล ก็เหมือนถ้วยที่มีขอบถ้วยไม่ครบทุกด้าน และจำนวนบ้านช่องก็จะอยู่ไล่จากทางลาดเขาลงมาที่แอ่งลงไปจนถึงทะเลนั่นเอง สวยงามมาก (เสียดายไม่ได้ถ่ายภาพของทั้งเมืองจากด้านบน)


กลยุทธ์ของการอยู่รอดในประเทศนอร์เวย์ที่อาหารราคาแพงมว๊าาาากกกนั้น ถามตัวเองว่าจะ snack ทั้งวัน เพราะราคาถูกกว่าอาหารเป็นมื้อ หรือจะทานอาหารเป็นมื้อเป็นกิจจะลักษณะ แต่วันละมื้อ เราก็ตัดสินใจว่าเราจะทานอาหารให้ครบห้าหมู่นี่แหละ แบบดีๆหน่อย แต่มื้อเดียว ผูกท้องกับร้านอาหารไทย เจ้าของไทยแท้ แม่ครัวไทยแท้ สั่งผัดอะไรเผ็ดๆ ได้ตามนั้น รอดตายไป เหตุเพราะทานอาหารเผ็ด ทุกสัปดาห์ต้องมีซ่อมอาหารเผ็ด 555


19 เมษายน 

ยังคง enjoy กับ Bergen เดินสำรวจทั้งเมือง แต่ไม่ได้นั่งกระเช้าขึ้นไปด้านบนเขาเพื่อถ่ายภาพ เดินสำรวจ ดื่มด่ำกับความสวยงามของเมืองแห่ง 7 ภูเขาก็อยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนั้นแล้ว สวย สงบ น่าหลงไหลเสียนี่กระไร 

align=

Hanseatic buildings of Bryggen


align=


align=


align=


align=


align=


align=


align=


align=


หลังจากสำรวจ Bergen มาวันครึ่ง เราก็ได้เวลาจาก Bergen เย็นนี้นั่งรถไฟเพื่อไปถึง Trondheim ตอนเช้า ประหยัดค่าที่พักไปอีกหนึ่งคืน 


วันที่ 20 เมษายน

ถึง Trondheim ตอนเช้า จากการนอนแบบ hostel แชร์กับชาวบ้านมาซักพักแล้ว ได้เวลาอยากอยู่คนเดียว นอนเตียงสบาย ซักเสื้อผ้าทั้งหมดในกระเป๋า ว่าแล้วก็ check-in ที่โรงแรมสี่ดาวซะงั้น มันต้องมี break กันบ้าง ชิมิ 


เมือง Trondheim ใหญ่เป็นอันดับสามของนอร์เวย์ รองจาก Oslo และ Bergen ลักษณะภูมิประเทศ เมืองนี้มีจุดที่น่าสนใจต้องไปดูไปชม


Nidelva เป็นแม่น้ำของประเทศนอร์เวย์ ทัศนียภาพของการอยู่อาศัยริมแม่น้ำก็สวยอย่างที่เห็นในภาพ

align=


align=


align=

Nidelva ยามค่ำคืน


ส่วนภาพด้านล่างก็คือบรรยากาศตลาดวันหยุด ที่ Olaf Tryggvason statue ตลาดนัดขายอาหาร ชีส แยม ปลา อาหารสด ผลไม้สด ดอกไม้ และงานหัตถกรรมเล็กๆน้อยๆ ที่ทำในท้องถิ่น ตลาดไม่ใหญ่มาก น่ารักดี นี่ถ้าที่นี่เป็นที่สุดท้ายก่อนกลับบ้าน สงสัยหอบชีสมาเป็นกระเป๋าแน่ๆเรย เพราะราคาถูกคุณภาพดี แต่เสียดาย ต้องบอกผ่าน เพราะต้องไปต่อหลายที่ไม่พร้อมหิ้วอะไรทั้งนั้น ได้แต่ดูและขอชิมนิดๆหน่อยๆ 

align=


align=


align=


align=


ไม่ไกลจากตรงนี้ก็เป็นโบสถ์สำคัญของเมืองนี้ Nidaros Cathedral

align=


align=


align=


วันที่ 21 เมษายน

วันนี้พักผ่อนสบายๆ ที่โรงแรม กับเดินในเมืองอีกเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอ เพราะรู้ว่าค่ำนี้จะเดินทางไกลมว๊าาาากกกก เพราะระยะทางจาก Trondheim ถึง Tromsø นั้น ระยะทางพันกว่ากิโลเมตร การเดินทางเป็นแบบ Train-Bus-Ferry-Bus กว่าจะถึง บวกกับความหนาวตอนจังหวะต่อพาหนะเนี่ย บรื๊ออออ แม้ว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่เริ่มอุ่นขึ้นแล้ว แต่สำหรับคนไทยอย่างเรา หน๊าวหนาว แม้ว่าจะหนาวอย่างไรเมื่อแลกกับทิวทัศน์ตลอดเส้นทาง เส้นทางนี้ถือเป็นเส้นทางที่สวยที่สุดอีกหนึ่งเส้นทางของประเทศนี้ 

align=

รถไฟขึ้นเหนือ เป็นแบบ mechanic มากๆ ไม่มีอะไรเลื่อนแบบเบาๆ เรย ปรับเบาะนั่งดังไปท้างงงคัน อันนี้ไม่มี wifi นะคะพี่น้อง แต่คลาสสิคดีอ่ะ 


วันที่ 22 เมษายน ตื่นมาเจอทิวทัศน์แบบนี้ โอ๊ยตายเลยตาย สวยจริงๆ ไม่อิงนิยาย สวยอธิบายไม่ถูก ตื่นแล้วตื่นเลยไม่มีงัวเงีย สวยขนาดนี้ใครงัวเงีย มีป๊าบเข้าให้ หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายซิคะ อย่าให้เสียของ

align=


align=


align=


align=

ตอนขึ้น ferry ไม่ต้องไปเสียเงินขึ้น ferry ไปตาม fjord เรย เลือกเส้นทางนี้ได้บรรยากาศ ferry ไปตาม fjord เลยค่ะ แถมเป็นแบบโลค๊อล โลคอลค่าาาา

align=

วิวจาก ferry 

align=

 

จาก ferry นั่งรถบัสต่อ

align=


align=


align=


และแล้วก็ถึง Tromsø

 align=


ถึง Tromsø เท้าบวมเรยทีเดียว แต่ก็ลากสังขารพร้อมกระเป๋าไปที่พัก แหมมมม ด้วยความที่มันยังน้ำแข็งมากมาย บวกกับเป็นเมืองบนเนิน เอากะเค้าซี้ ไม่ล้มปากฟาดกับขั้นบันไดที่เห็นในรูปข้างล่างให้มันรู้ไป ลื่นก้นจ้ำเบ้าไปหนึ่งที พอหอมปากหอมคอ ถือว่าการทรงตัวของเราพอใช้ได้

align=


คืนนี้นอนแบบเอาขาชันขึ้น เลือดจะได้ไหลกลับมาที่เดิมให้เป็นที่เป็นทาง 555 ตั้งนาฬิกาปลุกไว้เที่ยงคืน จากพยากรณ์อากาศ อาจะมีโอกาสเห็นแสงเหนือ เตรียมกล้อง ขาตั้ง เลนส์พร้อม ถ้ามีแสงเหนือ จับได้จากหน้าต่างห้องเรย เพราะหน้าต่างห้องมองไปเห็นท้องฟ้ากว้างสว่างไสว นาฬิกาปลุก ตื่นมั๊ย ตื่นมาหนึ่งวิ มองนอกหน้าต่างไม่เห็น ไม่ได้มีความอดทนใดๆ กลับไปนอนคลุมโปงต่อ 555


วันที่ 23 เมษายน 

เช้าตื่นมา เดินมาทานอาหารเช้า ก็ได้เจอกับทั้งชาวสวีเดน ฟินแลนด์ และนอร์เวย์ที่พักที่เดียวกับที่เราพัก เกือบทั้งหมดมาสกี ทานอาหารเช้าเสร็จเค้าก็หอบอุปกรณ์สกีทั้งหลายออกไปที่ ski track ไม่ไกลจากที่พักนัก

เราก็ได้เวลาเดิน และนั่งรถเมล์ชมเมือง เหตุใดต้องนั่งรถเมล์ เพราะ Tromsø ถือเป็นเมืองที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของทางเหนือของนอร์เวย์เลย หมายถึงขนาดพื้นที่น่ะ เราก็ซื้อตั๋ววัน เพราะมีเวลาวันเดียวที่นี่ เมืองนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของพื้นที่ Arctic circle แล้ว

คนมาที่นี่ส่วนใหญ่วัตถุประสงค์คือมาเล่นสกี มาทำธุรกิจ มาดูแสงเหนือ ส่วนเรามาเพราะรู้ว่าเมืองนี้สวย ไม่ได้มาเล่นสกีแต่อย่างใด เพราะเล่นไม่เป็น มาเผื่อว่าฟลุ๊คจะเจอแสงเหนือตอนเกือบจะนอกฤดูกาล และมาเพื่อจะได้สัมผัสขอบของ arctic circle เป็นการชิมลาง เพราะจะกลับมาแบบ full artic circle ในอนาคตอย่างแน่นอน เพราะหมีขาวจับแมวน้ำ และ northern light ยังอยู่ใน bucket list ค่ะ


บรรยากาศเมืองทางเหนือสุดของนอร์เวย์ที่ชื่อ Tromsø ก็มีความสวยงามตามนี้เรย สวยโผดๆ

align=


align=


align=


align=


align=


align=


align=


align=


คืนนี้เป็นอีกหนึ่งคืนที่ตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อลุกขึ้นมาดูแสงเหนือเช่นเคย และก็เหมือนคืนแรก ลุกมาส่องแป๊บนุง ไม่มีใช่มะ ไม่มีรอ กลับไปนอนต่อเลย ช่างมีความพยายามเสียนี่กระไร 555 


วันที่ 24 เมษายน 

เดินทางจาก Tromsø เพื่อไป Stockholm ผ่าน Navik ที่นี่มี ski track ที่คนสามชาติชอบมาสกี เพราะสามารถ ski cross countries หรือสกีข้ามประเทศได้ถึงสามประเทศ (ไกล๊ไกล แต่สำหรับนักสกี เค้าเล่นงี้กันทุกปีว่างั้น)​ 

align=


align=


align=


ถึง Stockholm ตอนสายๆ ของวันที่ 25 แล้วไปหาตั๋วเรือ ferry เพื่อต่อไป Helsinki ประเทศ Finland การมีตั๋ว Eurail pass สามารถซื้อตั๋ว ferry แบบมีส่วนลดได้ถึง 30% ว่าแล้วก็มิรอช้าซื้อตั๋วแล้วนั่งรอเวลาที่สถานี แล้วก็ได้เวลา check-in ที่ ferry คืนนั้นนอนหลับเป็นตายหลังจากเดินทางไกลมว๊าาาากกกก

ตอนนี้ขอจบเท่านี้ก่อนนะคะ ตอนหน้าจะมาเล่าประสบการณ์ที่ Helsinki-Stockholm-Iceland ให้อ่านต่อนะคะ