เส้นทาง Egypt-Jordan ตอนที่ 1
Posted on March 14, 2014 21:23


เส้นทางนี้เรียกว่า Pyramid to Petra 

align=

17 พฤษภาคม 

บินจาก London ไปที่ Cairo ประเทศอียิปต์ อันนี้เป็นการไปกับกลุ่มนักท่องเที่ยว เป็นการจัดโดยบริษัททัวร์ของชาวออสซี่ เนื่องจากประเทศอียิปต์ช่วงที่ไป เพิ่งมีปัญหาเรื่องความไม่สงบในประเทศและกำลังเข้าสู่ช่วงการเลือกตั้งใหม่ เป็นช่วงที่ประเทศแทบไม่มีนักท่องเที่ยวติดกันปีกว่าๆ และยังมีข่าวนักท่องเที่ยวถูกลักพาตัวหนาหู ดังนั้น ผู้หญิงคนเดียวอย่าซ่า ไปกลับกรุ๊ปดีกว่า 

อันนี้ระแวงถึงขั้นไม่เสี่ยงนั่งแท๊กซี่เองด้วย จองไปล่วงหน้าเลย ที่ประเทศนี้ทุกอย่างต้องมีการต่อราคา เพื่อไม่ต้องมีปัญหา จองไปล่วงหน้าดีที่สุด 

บินไปถึงช่วงบ่ายไม่แก่ ไปถึงมีแท๊กซี่มารอแล้ว อุ่นใจขึ้นมาเยอะเรย ระหว่างทางจากสนามบินไปโรงแรม เพิ่งเข้าใจว่าการใช้ชีวิตบนประเทศที่เป็นทะเลทรายแบบที่ยังถือว่าเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาเป็นอย่างไร (แตกต่างจากประเทศโมรอคโค เพราะประเทศนั้นไม่ได้เป็นทะเลทรายทั้งหมด และแตกต่างจากประเทศในแถบตะวันออกกลางอย่าง UAE ที่รวยของเค้าจะมีสิ่งปลูกสร้างที่สวยงาม ภูมิทัศน์ที่สรรสร้างจากเงินที่มีมากมาย) บ้านติดๆกัน บางช่วงซ้อนๆ กันคล้ายคลองเตยบ้านเรา แต่แดดจ้า ฝุ่นตลบ ทรายถูกพัดขึ้นมาเป็นระยะๆ และบ้าน อาคารกลายเป็นสีน้ำตาลส้ม เพราะสีทราย 

align=

align=

align=

แท๊กซี่ก็เก่ามาก แต่ไม่เก่าถึงขึ้นที่เคยเจอที่เนปาล แต่ไม่หนีกัน ทำให้รู้สึกได้ว่าเราต้องได้ประสบการณ์ที่จะไม่มีวันลืมจากประเทศนี้แน่นอน แค่นี้ก็ตื่นเต้นแล้ว 

ใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง จึงไปถึงโรงแรม ไปถึงก็มีฮาเรย ซื้อแบบไปแชร์ห้องนอนกับอีกคน ปรากฎว่าเป็นผู้ชาย (เค้าเกือบโชคร้ายล่ะ 555) ด้วยว่าเป็นประเทศมุสลิม เข้าใจว่าหญิงชาย ไม่ได้เป็นอะไรกัน นอนห้องเดียวกันไม่ควร เลยได้แยกห้องนอนกันไป และได้นอนคนเดียวในราคาจ่ายสำหรับการแชร์ห้อง แหล่มเรยเรา อิอิ (ว่าแล้วนี่ก็เป็นอีกเทคนิคนึงที่เราใช้ประจำ เพราะหลายๆครั้งเราจ่ายเป็นราคาแชร์ ไม่ว่าคนแชร์นอนกรนหนัก หรือว่าเป็นชาย เราจะได้ห้องนอนเดี่ยวในราคาแชร์ ใครจะนำไปใช้บ้างเราก็ไม่ว่าอะไร ทำให้ประหยัดไปพอควร) 

วันนี้เราเจอกับคนในกลุ่มเดินทางนี้เป็นชาวต่างชาติล้วนๆ อีกเช่นเคย แคนาดา 4 พ่อแม่ลูกสองคน อังกฤษสองคน ออสเตรเลีย 1 คน และคนไทยเป็นเราอีกหนึ่ง สรุปกลุ่มนี้มีแปดคนเท่านั้น ไม่มากไม่น้อยเกินไป กำลังสนุก ผ่านไปสองสามวันแรก เราก็รู้แล้วว่ากลุ่มนี้เข้ากันได้ง่ายมาก สบายๆ ทุกคนน่ารักมาก

เอาล่ะ โปรแกรมเย็นวันแรก ไปหาอะไรกินกัน อาหารวันนี้เป็นอาหารพื้นเมืองที่ชื่อว่า Kushari อร่อย ชอบมากและราคาถูกมากกกก ไม่ถึงสามสิบบาทต่อคน รสชาดถูกใจที่สุด เพราะจะใส่เผ็ดขนาดไหนก็ได้ตามใจชอบ เย็นวันแรกก็ประทับใจแว้วววว

align=

18 พฤษภาคม 

วันนี้เป็นวันสำรวจปิระมิด ที่กิซ่า คงไม่ต้องบอกว่ามีเรื่องที่น่าสนใจขนาดไหน แต่ขณะเดียวกันต้องเตรียมตัว เตรียมใจและอุปกรณ์ ให้พร้อม เพราะร้อนและแดดจัดมาก และเนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เคยมีปีละสิบล้านคนลดลงเหลือไม่ถึงล้านต่อปี คงไม่ต้องบอกว่าคนที่เคยขายของทำมาหากินกับการท่องเที่ยวเค้าจะอยากขายขนาดไหน ตื้อแบบที่ว่าไม่ยอมทิ้งเราไปไหนเลย อย่าคิดแม้แต่จะมอง เพราะเค้าจะไม่ให้คุณเดินหนึไปจากเค้าเลย ถ้าหากคุณเผลอไปมอง 

นอกจากตื้อแบบไม่บันยะบันยังแล้ว เค้ายังจะหลอกนักท่องเที่ยวด้วยหลายๆ วิธี เช่นมาขายของโดยบอกว่าอันนี้ผ้าพื้นเมือง (ผ้าโพกหัว)​ เราให้ บอกไม่เอา ขอบใจ ของฟรีไม่มีในโลก จำไว้ แต่เค้าก็บอกลองดู อยากลองบนหัวคุณอะไรงี้ เพื่อนร่วมเดินทางชาวออสเตรเลีย เผลอใจให้ลอง แล้วเค้าก็บอกว่าขอเงินค่าผ้า แน๊ อะไรเนี่ย พอเอาผ้าคืน เค้าบอกใช้ไปแล้ว งั้นขอค่าโพกปอนด์นึง เรามีใบห้าปอนด์ เค้ามีสี่ปอนด์ทอนให้โชว์ให้ดูก่อน เอาใบห้าปอนด์ พอได้ห้าปอนด์ (มูลค่าเป็นมูลค่าสมมติเท่านั้น) เค้าเดินหนีไปทั้งที่ไม่ทอน มีแบบนี้ด้วยนะ เราเลยบอกว่าช่างมันเถอะ ถือว่าทำบุญ แต่ถ้าเราเผลอให้แบงค์ใหญ่กว่านี้ไปก็เตรียมทำใจว่าจะไม่ได้คืน ไม่ว่าแบงค์อะไร 

อันนี้เป็นเรื่องที่น่ารำคาญ แต่ก็ได้แต่พยายามทำความเข้าใจว่าเค้าไม่มีรายได้มาเกือบสองปี คนเราจนตรอกจะให้ทำยังไง แต่เค้าไม่รู้หรอกว่ายิ่งเค้าทำอย่างนี้เค้ายิ่งจะไม่ได้ขาย แต่ก็นะ ถ้าเค้ายังไม่ปรับปรุง เค้าจะไม่ได้ขายเลย

เอาล่ะ เรื่องน่ารำคาญกับการเตรียมตัวผ่านไปแล้ว มาที่เรื่องน่าสนใจ อลังการ และน่าทึ่งของปิระมิดกันดีกว่า 

ปิระมิดที่กิซ่านี่ถือเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และเป็นหนึ่งมรดกโลกที่สำคัญ เมืองกิซ่ามี ปิระมิดทั้งหมด 6 ปิระมิด ประกอบไปด้วยปิระมิด Menkaure ปิระมิด Khafre และ ปิระมิด Khufu ซึ่งอันหลังสุดนี้เป็นปิระมิดที่ใหญ่ที่สุด นอกจากนี้ก็มี สฟิงซ์ วัด หมู่บ้านประชาชนคนงาน อีกด้วย

align=
ที่เห็นมียอดขาวไม่ใช่ปิระมิดที่ใหญ่ที่สุด มันเพียงภาพลวงตา ที่มียอดขาวคือปิระมิด Khafre ด้านหลังปิระมิดนี้คือ ปิระมิด Khufu อันที่อยู่ขวาสุดคือ Menkaure

align=
ปิระมิด Khufu

align=
ปิระมิด Khafre 

align=
ด้านขวามือคือปิระมิดขนาดเล็กสามปิระมิดที่ไม่ได้มีสภาพที่สมบูรณ์แล้ว

align=
ร้อนจัด เรยต้องใช้บริการอูฐไปที่จุดชมปิระมิดพานอราม่า เดินเองจะเป็นลม 555

เชื่อกันว่าปิระมิดสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่เก็บมัมมี่ของกษัตริย์หรือฟาโรห์สมัยโบราณ ในรูปมัมมี่ มัมมี่ก็คือศพที่ผ่านกระบวนการผ่านน้ำยาที่รักษาสภาพศพ แล้วพันด้วยผ้า เพราะสมัยก่อนเชื่อว่าเค้าจะกลับมาเกิดใหม่ ที่เก็บมัมมี่ ไม่ได้มีแต่มัมมี่เท่านั้น แต่ยังเก็บสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตหลังความตาย  รวมถึง ทอง เพชรนิลจินดา ซึ่งเชื่อกันว่าก็จะยังเกิดมาเป็นฟาโรห์ได้อีก ดังนั้นของที่เก็บในปิระมิดก็ต้องพร้อมสำหรับการเกิดมาเป็นฟาโรห์ใหม่อีกครั้ง

ปิระมิด Khufu จากการศึกษาของนักธรณีวิทยา พบว่าใช้เวลาในการสร้างระหว่าง 10-20 ปี และมีอายุประมาณ 2560 ก่อนคริสต์ศักราช เชื่อกันว่า ปิระมิด Khufu เป็นของฟาโรห์ Khufu ที่ถือว่าเป็นราชวงศ์ลำดับที่สี่ของอียิปต์ ซึ่งสร้างและแบ่งด้านในเป็นส่วนของฟาโรห์ ลึกลงไปเป็นส่วนของราชินี และส่วนที่อยู่ด้านใต้สุดที่เชื่อกันว่าสร้างไม่เสร็จ 

align=
เทียบกับตัวเองเพื่อให้เห็นขนาดของหินแต่ละก้อนหน้าปิระมิด Khufu

นักท่องเที่ยวจะถูกอนุญาตให้เข้าชมภายในได้ เข้าไปด้านใน ก็จะเป็นที่ว่าง มีฐานที่เป็นหินเอาไว้วางที่เก็บศพ ก็เห็นแท่นหินและแผนผัง มัมมี่ก็ไม่ให้เห็นแล้วที่นี่ ใครไป แนะนำว่าถ้าจะเสียเงินค่าเข้าไปดูในปิระมิด โครงสร้างมันจะเหมือนกัน ต่างกันที่ขนาดเท่านั้น เข้าไปดูอันเดียวพอ ก็เห็นภาพแล้ว เพราะถ้าเข้าไปแล้วจะรู้ว่ามันแคบ อึดอัด และร้อนขนาดไหน เข้าไปหนึ่งอันแล้วจะไม่อยากเข้าไปอีกอันเรย 

ทุกอย่างที่เป็นโบราณสถานที่ประเทศอิยิปต์เราจะไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปด้านใน ถ่ายได้แค่ด้านนอกเท่านั้น

align=
ปิระมิด Khafre สังเกตขนาดโดยเทียบกับคนเสื้อขาว ปิระมิดนี้แม้ว่าไม่ใหญ่ที่สุด แต่ก็ทำให้เห็นขนาดว่าอลังการขนาดไหน 

align=
ถ่ายภาพแบบที่ทำให้ตัวเองใหญ่เท่าปิระมิด Khafre เรย

เมื่อได้ไปเห็นสถาปัตยกรรม โครงสร้างการก่อสร้างเมื่อสมัยก่อนแบบนี้ ทำให้รู้ว่ามนุษย์เราเก่ง มีความรู้ด้านสถาปัตยกรรมมานานแล้ว เพราะการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่แข็งแรงแบบนี้ ไหนจะต้องเอาหินก้อนใหญ่หนักอึ้งมาตัดและตบแต่งอีกด้านให้เรียบในส่วนด้านนอก (ปัจจุบันที่เรียบๆ ก็ถูกเซาะไปเกือบหมดแล้ว และแต่ที่ยอดขาวๆของ ปิระมิด Khafre) ด้วยเทคโนโลยีที่น้อยกว่าปัจจุบันมาก เค้าใช้เพียงแค่แรงงานคน และเครื่องทุ่นแรงแบบง่ายๆ เท่านั้น 

นี่แสดงให้เห็นว่าความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย มีพลังมากขนาดไหน ที่สามารถทำให้มนุษย์ทำส่ิงที่อลังการขนาดนี้ได้ด้วยสมอง สองมือ และเครื่องไม้เครื่องมือไม่ได้ซับซ้อนอะไร

ประวัติศาสตร์ของชาวอียิปต์ ที่ ณ ปัจจุบันถือว่าเป็นอารยธรรมรุ่งเรืองเก่าแก่ที่สุด พอๆ กับชาวอินคาที่อเมริกาใต้เลย แนะนำให้ไปอ่าน ศึกษาเพิ่มเติม (ถ้าสนใจ) เพราะมันเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก ขอบอก

หลังจากเราเดินดูปิระมิด แล้วทั้งแบบ close up และแบบมองจากระยะไกลแล้ว อีกสิ่งที่ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกอย่างก็ Sphyx สฟิงซ์ นี่แหละ สฟิงซ์ตัวนี้ เชื่อว่ามีใบหน้าที่เป็นใบหน้าของฟาโรห์ Khafra และ สฟิงซ์นี้ถือว่าเป็น Great Sphyx ที่ใหญ่และเก่าที่สุดในโลก

align=

align=

ก่อนไปศึกษาแผนผังไปก่อนจะทำให้เข้าใจมากขึ้น และทำให้เดินได้สนุกกว่าแบบไปฟังหรืออ่านเอาข้างหน้า เพราะด้วยความที่อากาศมันร้อนมาก เราจะเสียสมาธิไปกับความร้อน เหงื่อออก หงุดหงิดได้ง่าย 

แผนผังของ Giza Great Pyramid http://en.wikipedia.org/wiki/File:Giza_pyramid_complex_(map).svg

หลังจากเดินชมปิระมิดกิซ่า แบบร้อนตับแล่บแล้วแล่บอีก (แต่สนุกและตื่นเต้นมาก) ก็ได้เวลากลับเข้าไปในเมืองไคโรอีกครั้ง เพื่อไปที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของอียิปต์ ที่นี่ถูกจัดเก็บพร้อมประวัติทุกชิ้น ถ้าเป็นชิ้นที่มีค่ามาก เค้าจะเก็บของจริงไว้ที่อื่น ที่นี่เป็นของเลียนแบบ เช่นกันไม่ถูกอนุญาตให้ถ่ายรูป เดินจากร้อนไปหาห้องแอร์ แม่เจ้า ง๊วงง่วง แม้ว่าจะน่าสนใจขนาดไหน เราก็ฟังเค้าบรรยายไปหาวไป สงสารคนอธิบาย คงเคือง แต่คิดว่าเค้าคงเข้าใจ 555

ที่พิพิธภัณฑ์น่าสนใจมากๆ ตื่นตาตื่นใจกับของทุกสิ่งทุกชิ้น โดยเฉพาะห้องของตุตันคาเมน Tutankhamun ที่เก็บหน้ากากสีทองและโลงศพสีทองของฟาโรห์ตุตันคาเมน  กรี๊ดดดดดดด อ่านการ์ตูน อ่านหนังสือ ดูรูป ได้มาเจอของจริงวันนี้ สุดยอด

เสร็จสิ้นจากพิพิธภัณฑ์ ก็ได้เวลาย้อนกลับไปโรงแรม อาบน้ำให้สดชื่น เก็บกระเป๋า เพื่อไปขึ้นรถไฟ ไปเมือง Aswan คืนนี้นอนบนรถไฟชั้นหนึ่งของอียิปต์ คุณภาพรถไฟชั้นหนึ่งที่นี่ดีพอๆ กับรถไฟชั้นหนึ่งบ้านเรา ต่างกันที่ห้องน้ำยังเป็นแบบเหยียบแล้วมันก็ทิ้งออกนอกตัวรถ เป็นปุ๋ยระเบิดไปในอากาศ อ่ะจึ๋ยยยย ไม่งั้นจะถือว่ารถไฟที่นี่ดีมาก ข้อแนะนำไม่ควรเข้าห้องน้ำตอนรถจอด เพราะตอนกลางคืนเช่นนี้คนข้างนอกมองเข้ามาเห็นหมดเรย สมัยนี้โทรศัพท์ถ่ายรูปได้ง่าย ภาพของท่านอาจไปอยู่บน Youtube เผยแพร่ได้ง่ายมาก ฮาาาาาเรย เห็นอย่างนี้ ต่อมการอยากเข้าห้องน้ำหด งดดื่มน้ำ กะไม่เข้าเรยจนกว่าจะไปถึงที่หมาย 

19 พฤษภาคม 
เช้าตื่นมาที่เมือง Aswan เรียบร้อย หลับสนิทมาก ภาระกิจบอกว่าจะไม่เข้าห้องน้ำเลย ทำได้ เก่งมาก 555

จบตอนนี้เพียงเท่านี้ก่อน ตอนต่อไปจะเป็นประสบการณ์ที่เมือง Aswan, Abu Simbel temple และ Luxor temple ค่ะ