Portugal-Spain (Barcelona)-Switzerland-Italy-Greece ตอนที่ 1
Posted on May 10, 2014 17:15


เส้นทาง Portugal-Spain (Barcelona)-Switzerland-Italy-Greece ในครั้งนี้ ตั้งใจไว้ตามเส้นทางนี้ 
align=

ว่าแล้วก็เริ่มที่ประเทศ Portugal กันเลย

ประเทศโปรตุเกส อาจจะไม่ใช่ประเทศที่เวลาคนเอเชียไปยุโรปจะนึกถึงเป็นประเทศแรกซักเท่าไหร่ แต่ขอบอกเลยว่าไปถึงแล้วอยากกลับไปอีก เพราะประเทศมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้ง เหนือ ใต้ ออก ตก มีอะไรน่าสนใจมากมาย ประเทศสงบ ร่มรื่น ทิวทัศน์สวยงาม ที่สำคัญคนน่ารักมาก แม้ว่าเราไม่รู้ภาษาโปรตุเกส ซักตัวเดียว ก็สามารถเดินทางไปประเทศนี้แล้วสนุกได้ 

โปรตุเกส เคยมีอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่มีหลายชาติในหลายทวีปเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของโปรตุเกส (เกือบจะครึ่งโลกก็ว่าได้ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของโปรตุเกศ)​ แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 การ decolonization ก็เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ประเทศต่างๆ ที่เคยอยู่ในปกครองของโปรตุเกสก็ได้ประกาศ Independence หรือการมีอิสระในการปกครองตนเอง เร็วๆนี้ ก็มีการเปลี่ยนการปกครองมาเก๊าจากโปรตุเกสไปเป็นจีน เมื่อปี 1999 และล่าสุด independence ของติมอร์ตะวันออก จากโปรตุเกส เมื่อปี 2002

ปัจจุบันโปรตุเกส ก็เหมือนประเทศชาติยุโรปชาติอื่นที่ไม่มีประเทศใดเป็นเมืองขึ้นของเค้าอีกแล้ว แต่ภาษาโปรตุเกสยังเป็นภาษาที่ใช้กันในบางประเทศ เช่นบราซิล โมซัมบิค เป็นต้น และบางรัฐในบางประเทศเช่น Goa ของอินเดีย เป็นต้น

12 ก.พ. 55 
บินจาก Casablanca ประเทศโมรอคโค ไปยังเมือง Madrid ประเทศสเปน แล้วก็นั่งรถไฟ (รถนอน)​ โดยใช้ eurail pass ที่ซื้อไปจากบ้านแล้ว ไปยังกรุง Lisbon ไปถึงก็เช้าอีกวัน

13 ก.พ. 55
เช้ามาถึงที่สถานีรถไฟ เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น โทรศัพท์รวน แผนที่ที่โหลดเตรียมมา รวมถึงข้อมูลย่านและชื่อสถานที่พักที่เตรียมไว้ว่าจะไปพัก ก็หายเกลี้ยง ไม่ได้สำรองไว้ด้วยการเขียนหรือใดๆ ทั้งสิ้น เอาแล้วไง ไม่ต้องถามถึง phrase book ภาษาโปรตุเกส หายเช่นกัน ไม่ได้ sync ไว้ใน ipad หรือมีเป็นหนังสือด้วย ยังไงต่อล่ะเนี่ย

การที่เราหัวเสียกับเรื่องที่ไม่คาดฝันแบบนี้ ทำให้ศักยภาพด้านการตัดสินใจด้อยลงไปโดยไม่รู้ตัว ออกเดินโดยที่ไม่รู้ว่าจะไปจบที่ไหน เดินไปเรื่อยๆ โดยมีเป้น้ำหนักสิบกิโลอยู่บนหลัง เดินไปเกือบจะชั่วโมง มองไปรอบตัว ก็ไม่ได้ทำให้คุ้นเคยขึ้นแต่อย่างใด แต่ทำให้เราสงบลง และเริ่มถามคนเดินตามถนน แต่ก็ไม่รู้จะถามเค้าว่าอะไร เพราะชื่อย่าน ชื่อที่พักจะไปก็ไม่รู้จะบอกว่ายังไง (คนโปรตุเกส ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษทุกคน เดินตามท้องถนนส่วนใหญ่พูดไม่ได้) 

นึกได้ว่า เราควรไปตั้งหลักที่ไหนซักที่ก่อน ไปโรงแรมดีที่สุด เพราะจะมีคนคุยกับเรารู้เรื่อง แล้วค่อยเริ่มจากตรงนั้น ว่าแล้วก็เรียกแทกซี่ พูดกันคนละภาษาต่างคนต่างไม่กระดิกหูภาษาที่อีกคนพูด จะบอกว่าไปย่านไหน ก็บอกไม่ได้ ที่พักชื่ออะไรก็บอกไม่ได้ เลยนึกชื่อโรงแรมอะไรก็ได้ที่คิดว่าเป็นสากล ใครๆ ก็ต้องรู้จัก และมันต้องมีในเมืองหลวงเช่นนี้ ว่าแล้วก็บอกเค้าว่าไปโรงแรม Ibis แทกซี่ร้อง อ๋อออออออ รู้จัก ฟิวววว...เคร รู้จักก็ไปเลย (ไม่ได้จองล่วงหน้าหรือคิดจะไปพักตั้งแต่ทีแรก แต่อย่างใด แต่ต้องไปที่ไหนซักที่ที่คนจะคุยกับเรารู้เรื่องได้ก่อน) 

ถึงโรงแรม ก็ใช้อินเตอร์เนท รวบรวมข้อมูลทั้งหมดอีกครั้ง พนักงานให้ความร่วมมือดีมาก และที่สำคัญโรงแรมอยู่ในย่านที่เราจะไปไหนมาไหนได้สะดวก เลยคิดว่านอนมันที่นี่แหละ 

เหนื่อยกับการเดินเท้าแบกเป้มาหลายชั่วโมง ก็เอนตัวซักพัก อาบน้ำอาบท่า แล้วก็ได้เวลาออกสำรวจกรุง Lisbon 

กรุง Lisbon เสียหายครั้งใหญ่หลวงเมื่อปี 1755 จากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และสีนามิที่คร่าชีวิตคนถึง 40,000-60,000 คนจากจำนวนประชากรทั้งสิ้นตอนนั้นเพียง 275,000 ดังนั้นสถาปัตยกรรมที่เราเห็นในกรุง Lisbon ในวันนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นหลังจาก 1755 ทั้งส้ิน (ปัจจุบันประชากรทั้งประเทศประมาณ 10 ล้านคน ในกรุงเมืองหลวงประมาณ 500,000 แต่ถ้าเทียบเมืองหลวงและปริมณฑลก็ประมาณ 3 ล้าน เยอะนะเนี่ยเพราะประมาณ 30% อยู่ในเมืองหลวงเนี่ย)

วันนี้สำรวจไปทั่วกรุงแบบนั่งบนรถ sightseeing  hop-on hop-off
align=

ลักษณะทั่วไปของกรุง Lisbon

align=

Shopping mall
align=

align=

align=

align=

align=

align=

align=

align=

align=

align=

สถานีรถโดยสารของ Lisbon
align=

หลังจากไปทั่วเมืองแบบภาพรวมแล้ว พรุ่งนี้จะจำเพาะเจาะจงเป็นที่ๆ ไป 

14 ก.พ.​55 

ยังสำรวจกรุง Lisbon ต่ออีกวัน Lisbon มีสถานที่ที่เป็นมรดกโลกอยู่ 2 แห่ง นั่นก็คือ

Jerónimos Monastery
align=

และ Belém Tower
align=

นอกจากสองที่ที่ว่ามาแล้ว ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจในกรุง Lisbon อีก เป็นต้นว่า

Castle Saint George ที่มองลงมาจะเห็นแม่น้ำ Targus และกรุง Lisbon 
align=

Padrão dos Descobrimentos หรือ Monument to the Discoveries

align=

สัญลักษณ์ก็คือคนที่อยู่ข้างหน้าคือ Navigator
align=

Museu do Combatente
align=

สะพาน The 25 de Abril Bridge มองจาก Belém Tower  สะพานนี้ข้ามแม่น้ำ Tagus เชื่อมระหว่าง Lisbon กับ Almada ที่อยู่อีกฝั่ง สะพานี้ถูกเปรียบเทียบบ่อยๆ กับสะพาน Golden Gate ที่ San Francisco สะพานนี้ถูกสร้างโดยบริษัทอเมริกันเดียวกันกับที่สร้างสะพานที่ San Francisco แต่ไม่ใช่ที่สร้างสะพาน Golden Gate แต่เป็นสะพาน Oakland Bay Bridge
align=

align=

align=

Lisbon Port
align=

Military Museum
align=

Parque das Nações (Park of Nations) ที่นี่เป็นสถานที่จัด World Exhibition เมื่อปี 1998
align=

align=

align=

ริมแม่น้ำ Targus มองจาก Park of Nations จะเห็นสะพาน Vasco da Gama อยู่ด้านหน้า (สะพานนี้สร้างหลังจาก the 25th de April bridge) และ Tower นั้นก็คือ Vasco da Gama Tower
align=

Vasco da Gama Tower
align=

Praça do Comércio หรือ Commerce Square
align=

ตอนนี้จบที่ Lisbon ก่อน ตอนหน้าจะมาเล่าต่อประสบการณ์ที่  Porto, Evora, Faro และ Sintra 
#thaitraveltheworld